MrEm

MrEm

Пікірлер

  • @user-kf9so7qv4o
    @user-kf9so7qv4oСағат бұрын

    ผมชอบนะเพียงแต่ว่าคุณพูดแบบให้อักขระวิบัติพูดให้ชัดกว่านี้ได้ไหมครับรอเรือก็รอเรือชลอลิงการลครับ

  • @user-kf9so7qv4o
    @user-kf9so7qv4oСағат бұрын

    เป็นไปได้ไหมครับพูดให้ชัดกว่านี้ได้ไหมครับรเรือรเรือ😊ลลิงอัครไม่มีบัตร

  • @SoulinthoneImsouk.stakno-zx7ve
    @SoulinthoneImsouk.stakno-zx7ve6 сағат бұрын

    Amitapoos

  • @trichadanuchuchuai699
    @trichadanuchuchuai6997 сағат бұрын

    ขอน้อมอนุโมทนาบุญกับทุกๆพระองค์ ธรรมอันใดที่ท่านเห็นแล้ว ลูกขอน้อมเห็นธรรมนั้นด้วย สาธุค่ะ

  • @user-mw2dw2sk7m
    @user-mw2dw2sk7m9 сағат бұрын

    ขอให้รํ่รวยทุกภพทุกชาติ...

  • @user-hq9bm2sm6k
    @user-hq9bm2sm6k15 сағат бұрын

    ลองคิดนะ ....ถ้าอเมริการะสเซีย ลั่นนิวเคลีย ระเบิดโลก สิ่งมีชีวิตตายหมด ....แล้วคนจะเกิดเป็นอะไร ไปชดใช้ดรรมที่ไหน5555.... แล้วคุณก้จะบอกว่าไปเกิดเป้นแบคทีเลีย555แทร่ไปเรื่อยๆ ...จบข่าว

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    ขอบคุณมากครับ

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (3). #เหตุที่เกี่ยวกับประชาชนชาวโลกนั้น คือ ..... ๑. ชนชาวโลกส่วนมากมีจิตใจปราศจากอินทรีย์ ๕ มีศรัทธาเป็นต้น ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่หนึ่ง ฝ่ายพุทธศาสนา ...... ๒. ชนชาวโลกส่วนมากเป็นอันธปุถุชน คือ ไม่มีปัญญาที่จะรู้ถึง รูป นาม ขันธ์ ๕ และเหตุผลได้ ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่สอง ฝ่ายพุทธศาสนา ..... ๓. ชนชาวโลกที่ไม่มีบุญบารมีนั้นมีจำนวนมาก ที่มีบุญบารมีนั้นมีจำนวนน้อย ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่สาม ฝ่ายพุทธศาสนา ..... ๔. ชนชาวโลกมีจิตใจน้อมอยู่แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับตัณหา มานะ ทิฏฐิ โทสะ โมหะ อิสสา มัจฉริยะ วิจิกิจฉามาก ไม่ยอมรับฟังการบอกเล่าถึงเรื่องเหล่านี้ว่ามีโทษเพราะกลัวว่า ถ้าขืนรับฟังแล้ว ก็จะทำให้การงานที่เกี่ยวกับการบำรุงบำเรอตัณหา มานะ ทิฏฐิ เป็นต้น ที่กำลังเป็นไปอยู่นั้นต้องลดน้อยลง ขาดความสนุกสนาน รื่นเริง เป็นที่น่าอนาถใจยิ่ง ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่สี่ ฝ่ายพุทธศาสนา ..... ๕. ภูมิประเทศก็ห่างไกลจากกันและกัน ภาษาพูดก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่ห้า ฝ่ายพุทธศาสนา ..... ๖. ชนชาวโลกที่มีศรัทธาน้อย วิจิกิจฉามาก และปัญญาความรอบรู้ในเรื่องเหตุผลก็ยังอ่อน มีแต่มิจฉาทิฏฐิเหล่านี้ จะต้องได้รับคำสอนจากผู้ที่มีความรู้ในด้านปริยัติและปฏิบัติอย่างสมบูรณ์โดยถูกต้องเท่านั้น จึงจะทำให้ศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใส ปัญญารอบรู้ในเรื่องเหตุผลเจริญขึ้น ทำลายวิจิกิจฉา มิจฉาทิฏฐิที่มีอยู่ให้หมดไป มิฉะนั้น ก็หมดไปไม่ได้ มีแต่จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่หก ฝ่ายพุทธศาสนา ..... ๗. อินทรีย์ ๕ มีศรัทธาเป็นต้น ที่แก่กล้าจักเกิดขึ้นแก่ชาวโลกได้นั้น จะต้องมีการรู้เห็นในเรื่องของพุทธศาสนิกชน ที่มีเกียรติมีอำนาจทั้งหลายถวายการสงเคราะห์อนุเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ แด่ภิกษุสามเณรที่มี ศีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาคุณ หรือ ภิกษุสามเณรที่กำลังดำเนินงานในด้านปริยัติและปฏิบัติอย่างจริงจังเท่านั้น จึงจะทำให้อินทรีย์ ๕ แก่กล้าเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าการรู้เห็นในการอนุเคราะห์ สงเคราะห์ นี้เป็นไปตรงกันข้ามแล้ว อย่าว่าแต่ผู้ที่ไม่มีความเคารพนับถือศาสนาพระโคตมพุทธะเลย แม้แต่ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แล้ว อินทรีย์ ๕ ก็จักไม่มีโอกาสเกิดขึ้น มิหนำซ้ำยังเข้าใจผิดไปว่า ในพุทธศาสนานี้ ศีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาคุณ การปริยัติ ปฏิบัติ มิใช่เป็นสิ่งสำคัญแต่อย่างใด ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่เจ็ด ฝ่ายพุทธศาสนา ..... ๘. ชนชาวโลกจะเชื่อถือในศาสนาของพระโคตมพุทธะได้นั้น จะต้องได้รู้เห็นความสามัคคี ทั้งกาย ใจ ในกิจการต่าง ๆ ภายในวงพุทธศาสนิกชน ทั้งที่เป็นคฤหัสถ์และบรรชิต ที่ดำเนินไปเป็นอย่างดีเท่านั้น จึงจะทำให้มีจิตใจเกิดความเลื่อมใสขึ้น ฉะนั้น จึงขัดกันกับ ข้อที่แปด ฝ่ายพุทธศาสนา ..... เหตุต่าง ๆ เท่าที่ได้กล่าวแล้วนี้ จะเห็นได้โดยง่ายทั่วไป ฉะนั้น พุทธศาสนิกชนที่มีความเลื่อมใสในศาสนาของพระโคตมพุทธะด้วยดีอยู่แล้วนั้น จงพยายามประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำไว้ให้บริบูรณ์ด้วยดีทั้งในด้านปริยัติและปฏิบัติตลอดจนการเผยแผ่ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อการทรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา แล้วทำการแก้ไข ปรับปรุง เพิ่มเติมเหตุภายในที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาในข้อ ๕-๖-๗-๘ ซึ่งเป็นกิจการของพุทธศาสนิกชนโดยตรงให้ถูกต้องโดยสมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปโดยลำดับเท่าที่จะทำได้ เมื่อได้พร้อมใจกันประพฤติปฏิบัติและแก้ไขปรับปรุงในข้อ ๕-๖-๗-๘ ดังที่กล่าวแล้วนั้นให้ดีขึ้นเพียงใด เหตุอันเป็นคุณภาพของพระพุทธศาสนาในข้อ ๑ ถึงข้อ ๔ ก็จักแผ่ไปในประชาชนชาวโลกได้มากเพียงนั้น บางตอนจาก คำนำ น. ก ของ ท่านพระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ พ.ศ. ๒๕๐๗ ใน หนังสือหนังสือปรมัตถโชติกะ ปริจเฉทที่ ๙ เล่ม ๑ สมถกรรมฐานทีปนี (หลักสูตรชั้นมัชฌิมอาภิธรรมิกะโท) รจนาโดย พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดพิมพ์โดย มูลนิธิสัทธัมมโชติกะ ฉ. พ.ศ. ๒๕๕๔

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (2). #เหตุที่เกี่ยวกับภายในพุทธศาสนานั้น คือ ..... ๑. เป็นศาสนาที่ดีเลิศ กล่าวคือ ทำการอบรมขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของชาวโลกด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ตั้งแต่ขั้นต่ำจนถึงขั้นสูงสุด ..... ๒. มีเนื้อความละเอียด สุขุม คัมภีรภาพ ..... ๓. ทำให้ผู้ปฏิบัติตามได้รับผลอย่างมหาศาล คือ พ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔ ได้รับความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ตลอดจนเข้าสู่พระนิพาน ..... ๔. เป็นคำสอนที่ทำลายล้าง ตัณหา มานะ ทิฏฐิ โทสะ อิสสา มัจฉริยะ วิจิกิจฉา ..... ๕. การเผยแผ่ของพุทธศาสนิกชนไม่กว้างขวางทั่วไป ทั้งในทางภูมิประเทศและทางภาษา ..... ๖. การรู้ในปริยัติและปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนไม่สมบูรณ์ ยังมีขาดตกบกพร่องอยู่มาก ..... ๗. ทายกทายิกาที่มีอำนาจและไม่มีอำนาจ ทำการสงเคราะห์ อนุเคราะห์ แก่ภิกษุสามเณร ก็หาได้ปรารภถึง ศีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาคุณ หรือ คันถธุระ วิปัสสนาธุระ ของภิกษุสามเณรแต่อย่างใดไม่ มีแต่การปรารภไปในเรื่องชอบพอ รักใคร่ คุ้นเคย หรือสมณศักดิ์ ตำแหน่ง ..... ๘. ความสามัคคีภายในวงเเห่งพุทธศาสนิกชน ทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิต ก็มีน้อย

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (1). คำแนะนำก็ดี คำสั่งสอนตักเตือนก็ดี เหล่านี้ได้ชื่อว่า ศาสนา สิ้น ..... ดังนั้นคำสอนนี้ไม่ว่าจะเป็นของศาสดาใด ๆ เมื่อพิจารณาดูเพียงผิวเผินก็กล่าวได้ว่า เป็นการดีทั้งสิ้น แต่ถ้าหยิบขึ้นมาพิสูจน์ดูกันโดยรอบคอบแล้ว ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งนี้เพราะบุคคลที่ตั้งตนเป็นศาสดาของชาวโลกมีคุณธรรมและความรู้ ไม่เหมือนกันนั้นเอง คือ ศาสดาบางท่านความรู้ยังไม่ละเอียดถี่ถ้วน จิตใจก็ยังไม่บริสุทธิ์ เศร้าหมองอยู่ด้วย ตัณหา มานะ ทิฏฐิ โทสะ โมหะ อิสสา มัจฉริยะ วิจิกิจฉา และสติสัมปชัญญะก็ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้น ศาสนาของศาสดาจำพวกนี้ แม้ว่ามีคนนับถือบูชามากมายเพียงใดก็ตาม จะตัดสินชี้ขาดลงไปว่า เป็นคำสอนที่ถูกต้องสมบูรณ์ดีทุกประการโดยอาศัยจำนวนคนนั้นหาถูกต้องไม่ ที่ถูกจะต้องยกคำสอนนั้น ๆ ขึ้นมาพิสูจน์ดูด้วยเหตุผลว่าจะผิดหรือถูกเพียงใด เมื่อพิสูจน์แล้วก็จะเห็นว่าเป็นคำสอนที่มีข้อความในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดที่ต้องตัดออก แก้ไข และเพิ่มเติมก็มี ..... ส่วนศาสดาบางท่าน มีพระโคตมพุทธะ พระกัสสปพุทธะ เป็นต้นนี้ ความรู้ก็ละเอียดถี่ถ้วน จิตใจก็บริสุทธิ์ผ่องใส ปราศจากตัณหา มานะ ทิฏฐิ โทสะ โมหะ อิสสา มัจฉริยะ วิจิกิจฉา และสติสัมปชัญญะก็สมบูรณ์ เหตุนั้น ศาสนาของศาสดาจำพวกนี้แม้ว่าจะมีคนเคารพนับถือเป็นจำนวนน้อยก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้องและสมบูรณ์โดยแน่นอนเพราะมีข้อความในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ไม่ต้องตัดออก แก้ไข หรือเพิ่มเติมโดยประการใด ๆ เลย ในเรื่องนี้ ถ้าผู้มีปัญญาในเหตุผลดีพอ และมีจิตใจเป็นกลางมิได้มุ่งอยู่แต่ในเรื่องลาภ สักการะ ยศ สรรเสริญแล้ว ก็จะพิจารณาเห็นได้โดยชัดแจ้ง ..... เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อาจมีผู้ถามว่า ถ้าศาสนาของพระโคตมพุทธะนี้ดีเลิศถึงปานนั้นแล้ว เหตุไฉนประชาชนชาวโลกจึงมิได้ยอมรับนับถือและประพฤติปฏิบัติตามทั่วไปทั้งหมดเล่า คงมีเพียงแต่บางส่วนเท่านั้นที่เคารพนับถือ ที่เป็นดังนี้ก็เนื่องด้วยเหตุที่เกี่ยวกับภายในพระพุทธศาสนา กับเหตุที่เกี่ยวกับประชาชนชาวโลกติดต่อเนื่องกันทั่วไปไม่ได้นั้นเอง ดังนั้น จึงเป็นที่เคารพนับถือแก่ชาวโลกทั่วไปหมดไม่ได้

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (7). ..... อนึ่ง ชนทั้งหลายที่อยู่ในโลกด้วยกันทุกวันนี้ ล้วนแต่พากันเสาะแสวงหาวิชาความรู้ต่าง ๆ เพื่อจะได้นำมาประดับสติปัญญาของตน ๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งนี้ก็เพราะมีความเห็นว่า บุคคลใดขาดเสียซึ่งวิชาความรู้เสียแล้ว บุคคลนั้นก็ย่อมจะได้รับแต่ความลำบาก เพราะมิอาจที่จะยกฐานะคือความเป็นอยู่ของคนให้รุ่งโรจน์ได้ มีแต่การใช้กำลังกายเป็นที่พึ่งฝ่ายเดียว มิอาจที่จะอาศัยปัญญาอันเป็นกำลังทางใจให้เป็นที่พึงแก่ตนได้ ..... ด้วยเหตุนี้วิชาที่ชนทั้งหลายมุ่งหวังอยู่ทั่วทุกคนนั้นก็มีอยู่ ๒ อย่าง คือ วิชาทางโลกอย่างหนึ่ง วิชาทางธรรมอย่างหนึ่ง วิชาทางโลกนั้นย่อมให้ผู้ศึกษาได้รับผลแต่ในปัจจุบันชาติ ๆ นี้ชาติเดียว หาได้ติดตามตนไปในภพอื่น ๆ ได้ไม่ มิหนำซ้ำวิชาบางอย่างก็ทำให้ผู้ศึกษาได้รับผลร้ายอีกด้วยก็มี ส่วนวิชาทางธรรมนั้นไม่มีการให้โทษแม้แต่ประการใด ๆ มีแต่ทำให้ผู้นั้นได้รับความสุขใจปรากฏเกิดขึ้นถ่ายเดียว และต่อไปในภายภาคหน้าก็ยังช่วยอุดหนุนให้ได้รับความสุขที่เกี่ยวกับมนุษย์ เทวดา ตลอดจนถึงพระนิพพานอีกด้วย ความสุขทั้ง ๓ อย่างนี้ พระนิพพานเป็นความสุขอย่างยิ่ง เพราะไม่มีการผันแปรเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างอื่น คงมีแต่ความสุขที่สงบจากทุกข์ทั้งมวล ..... เมื่อได้พิจารณาใคร่ครวญดูในวิชาที่เป็นทางธรรม โดยถี่ถ้วนแล้ว วิชาทางธรรม ที่จะอำนวยผลให้ผู้ศึกษาได้รับความสุขในพระนิพพานโดยเร็วนั้น ได้แก่ วิชาความรู้ที่เกี่ยวกับพระอภิธรรม กล่าวคือรูปนามและบัญญัติ ส่วนวิชาทางธรรมที่นอกจากนี้ เพียงแต่เป็นเครื่องประกอบ ผู้ที่จะได้รับความรู้ในรูปนามและบัญญัติ ซึ่งเป็นวิชาทางค้นพระอภิธรรมนั้น มีอยู่ด้วยกัน ๒ ทาง คือ ทางปริยัติ และทางปฏิบัติ รู้โดยทางปริยัติ เรียกว่า สุตมยปัญญา และจินตามยปัญญา รู้โดยทางปฏิบัติ เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ความรู้ที่เป็นปริยัติ และปฏิบัติ ทั้ง ๒ ทางนี้ รู้โดยอาศัยปริยัติเป็นการรู้โดยกว้างขวาง พร้อมทั้งบัญญัติของรูปนามเหล่านั้นด้วย ส่วนการรู้โดยอาศัยการปฏิบัตินั้น เป็นการรู้ที่เข้าถึงสภาพธรรมของรูปนามที่กำลังเป็นไป ปรากฏชัดเจนแก่ปัญญาของตน ๆ ที่กำลังเพียรเพ่งพินิจอยู่ แต่ความรู้นั้นถ้ารู้โดยอาศัยการปฏิบัติอย่างเดียวแล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้ถึงสภาพธรรมโดยปัญญาของตน ๆ ก็ตาม แต่ก็มิอาจรู้ทั่วถึงบัญญัติของสภาพธรรมนั้น ๆ ได้ ทั้งยังจัดว่าเป็นความรู้ที่ยังแคบอยู่ บางตอนจาก คำปรารภเบื้องต้น น. ๕ ของหนังสือปรมัตถโชติกะ ปริจเฉทที่ ๔ วิถีสังคหะ และนามรูปวิถีวินิจฉัย พร้อมด้วยภาพวิถี (หลักสูตรชั้นมัชฌิมอาภิธรรมิกะตรี) รจนาโดย พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดพิมพ์โดย มูลนิธิสัทธัมมโชติกะ ฉ. พ.ศ. ๒๕๕๗

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (6). ..... ๔. การสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ ในพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนบางท่านแม้ว่าจะเป็นทานกุศลก็จริง แต่ยังไม่จัดเข้าในศาสนานุคคหกุศล [กุศลที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุเคราะห์พระพุทธศาสนาทั้ง ๓ (ปริยัติ, ปฏิบัติ, ปฏิเวธ) ให้ตั้งมั่นถาวรและเจริญขึ้น] เช่น การสร้างกุฏิศาลา โรงเรียนปริยัติธรรมบางอย่างเหล่านี้ แม้ว่าจะมีความสวยงามหรือใหญ่โตกว้างขวางเพียงใดก็ตาม แต่อาศัยทำประโยชน์ในด้านพระพุทธศาสนา กล่าวคือจะใช้เป็นสำนักศึกษาเล่าเรียน หรือเป็นสำนักปฏิบัติสมถวิปัสสนาไม่ใคร่จะได้ แม้จะเป็นประโยชน์ก็เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวกับทางโลก และเป็นประโยชน์ของบุคคลที่กำลังดำเนินกิจนอกจากคันถธุระและวิปัสสนาธุระเท่านั้น ผู้ที่อนุเคราะห์ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ก็มิใคร่จะได้พิจารณาเหตุผลว่า การสร้างสถานที่ต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้จะได้รับประโยชน์ในด้านพระพุทธศาสนาเพียงใดแค่ไหน มีแต่การคิดนึกว่า เราจะได้เสวยความสุขต่าง ๆ ที่เป็นทิพยสมบัติ หรือมนุษย์สมบัติในภพต่อ ๆ ไป โดยอาศัยกุศลที่เกิดจากการสร้างสถานที่ดังกล่าวแล้วเท่านั้น ฝ่ายปฏิคาหกผู้รับก็มิใคร่จะพิจารณาเช่นเดียวกัน ..... การถวายภัตตาหาร หรือไตรจีวร ที่ไม่จัดเข้าในศาสนานุคคหกุศล เพียงแต่ให้สำเร็จแก่ทานกุศลก็มีอยู่มาก ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดจะหันมานึกคิดพิจารณาแล้วหาหนทางแก้ไขเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ มีแต่พยายามทำการสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ ไปในทำนองนี้อยู่เรื่อย ๆ ฉะนั้น ความเป็นอยู่ของบุคคลจำพวกนี้จึงเป็นบุคคลดังกล่าวว่า คนตาบอดไม่กลัวผี ..... ๕. การที่อาตมาภาพ ได้ยกความเป็นไปแห่งการงานในด้านพระพุทธศาสนาขึ้นมาเปรียบเทียบดังกล่าวมาแล้วนี้ ก็เพื่อมุ่งหวังจะให้สาธุชนที่มีหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนา และผู้มีปัญญาทั้งหลายได้ใคร่ครวญพิจารณาดูว่า ควรจะปรับปรุงแก้ไขกันอย่างไรบ้าง ในด้านการศึกษา การปฏิบัติ การสงเคราะห์ด้วยปัจจัย แต่แล้วก็กลับหวนคิดได้ว่า ยังมีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ใน หิโตปเทสปกรณ์ ว่า "คตานุคติโก โลโก" แปลว่า ธรรมดาชนทั้งหลายนั้น ย่อมมีนิสัยชอบดำเนินไปตามประเพณีของโลก ไม่ว่าจะผิดหรือถูกประการใด ..... ฉะนั้นข้อนี้ นอกจากท่านที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์และประกอบด้วยปัญญา ทั้งมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองโดยถูกต้องแล้ว ก็ย่อมจะถูกตำหนิติเตียนจากท่านเหล่านั้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม อาตมาภาพก็จะยอมรับคำครหานินทาต่าง ๆ จากท่านเหล่านั้นด้วยความยินดี โดยคำนึงถึงสุภาษิตที่กล่าวว่า คนตาบอดไม่กลัวผี ..... อนึ่ง เรื่องที่เกี่ยวกับความเห็นความเข้าใจและกิจการบางอย่างของพุทธมามกชนทั้งที่มีอำนาจและไม่มีอำนาจที่กำลังดำเนินอยู่ เมื่อว่าตามสภาวะแล้วยังไม่ถูกต้องทีเดียว ถูกแต่ตามโวหารเท่านั้นก็ยังมีอยู่อีกมาก แต่อาตมาภาพจะไม่ยกขึ้นมากล่าว ขอให้ผู้มีปัญญาทั้งหลายจงพิจารณาดูด้วยตนเอง ..... ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งที่เป็นคฤหัสถ์และบรพชิตทั้งหลาย เมื่อได้ทราบถึงกิจการที่กำลังเป็นไปอยู่ เหมือนกับคนตาบอดไม่กลัวผีนี้แล้ว ขอจงได้ช่วยกันแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยเทอญ

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (5). ..... พระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ย่อมทรงคุณอำนวยประโยชน์ให้แก่เวไนยสัตว์ทั้งหลายได้รับความสุขความเจริญ คือความสุขกายสุขใจทั้งในภพนี้และภพหน้า ตลอดจนเข้าถึงพระนิพพานอันสงบจากทุกข์ทั้งปวง แต่ถึงกระนั้นก็ตามก็ยังมิได้รับการแพร่หลายหรือเจริญขึ้นเหมือนกับศาสนาอื่น ๆ และประเทศที่ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาอยู่แล้วนั้น ก็ยังไม่ได้รับการอบรมธรรมคำสอนที่สมบูรณ์ ทั้งยังไม่มีการแพร่หลายทั่วไปในหมู่พุทธศาสนิกชนอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็เพราะพวกเราเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายยังดำเนินกิจการในด้านพระพุทธศาสนายังไม่ถูกต้องดีพอ ทั้งความเห็นความเข้าใจก็ยังขาดตกบกพร่องอยู่ จึงทำให้ความเป็นไปของบุคคลประเภทนี้เหมือนกับคำสุภาษิตที่กล่าวว่า #คนตาบอดไม่กลัวผี ความเป็นไปแห่งการงานและความคิดเห็นของพุทธมามกชนบางพวกที่เป็นไปในทำนอง คนตาบอดไม่กลัวผี เหล่านี้นั้น คือ ..... ๑. แม้ว่าผู้ที่สำเร็จเป็นอริยบุคคลโดยอาศัยการปฏิบัติวิปัสสนา ปรากฏมีอยู่ก็ตาม แต่บางท่านก็ยังกล่าวว่า ในสมัยปัจจุบันนี้พระอริยบุคคลมีไม่ได้ ผู้ที่กล่าวดังนี้ก็เพราะว่า ผู้นี้ไม่รู้จักประมาณตนของตน ว่าตนนี้ได้รับการศึกษาดีพอแล้วหรือยัง และได้รับการอบรมข้อปฏิบัติวิปัสสนาที่ถูกต้องสมบูรณ์หรือเปล่า ฉะนั้น บุคคลประเภทนี้จึงเป็นบุคคลดังที่กล่าวว่า คนตาบอดไม่กลัวผี ..... ๒. การแสดงและการศึกษาพระอภิธรรม ย่อมมีหลักฐานปรากฎอยู่ในพุทธประวัติและพุทธานพุทธประวัติ คือพระสารีบุตรและสานุศิษย์ ๕๐๐ รูป พระนาคเสน เป็นต้น จนถึงการยกสังคายนาครั้งที่ ๖ ทั้งได้มีการจารึกลงในใบลานบ้าง เป็นหนังสือบ้างที่มีอยู่ทั่วไป ถึงกระนั้นบางท่านก็ยังกล่าวว่าพระอภิธรรมนี้มิใช่เป็นพุทธภาษิต บางท่านก็กล่าวว่ามิใช่เป็นข้อธรรมที่พวกมนุษย์จะพึงศึกษา ผู้ที่กล่าวดังนี้ก็เพราะว่าเป็นผู้ที่ไม่รู้จักประมาณตนของตน ว่าตนนี้ได้ศึกษาในข้อธรรมนั้น ๆ ทั่วถึงดีแล้วหรือยัง และเคยได้เห็นหนังสือพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา โดยชัดเจนบ้างหรือเปล่า เมื่อได้เห็นแล้วได้อ่านเข้าใจในข้อธรรมนั้นหรือไม่ ควรจะพิจารณาใคร่ครวญตรวจดูตนให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ฉะนั้น บุคคลที่กล่าวดังนี้จึงเป็นบุคคลดังที่กล่าวว่า คนตาบอดไม่กลัวผี ..... ๓. บางท่านได้รับการศึกษาวิชาธรรมจากสำนักอาจารย์มาแต่พอประมาณไม่เกิน ๒๕ ส่วนในจำนวนร้อย บางท่านก็ไม่ได้รับการศึกษามาจากสำนักอาจารย์แต่ประการใดเลย เพียงแต่ได้อ่านตำราเท่านั้นก็ยังกล้าเขียน เมื่อได้รับคำชมเชยสนับสนุนจากพุทธศาสนิกชนที่ยังมีความรู้ในข้อธรรมแต่เพียงเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจว่า ตนนี้เป็นนักปราชญ์ จะอย่างไรก็ตามถ้อยคำที่กล่าวนั้นก็ยังเป็นที่น่าเคารพน่าเชื่อถืออยู่ได้เพราะว่าการกล่าวก็ดี การเขียนก็ดี เหล่านี้ ถึงแม้จะยังมีเนื้อความไม่ถูก ทั้งการลำดับข้อความก็ยังสับสนอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องจัดเข้าในการที่มีเจตนาหวังดีนั้นเอง ..... ต่อมาการกล่าวการเขียนของผู้ที่ถือตนว่าเป็นนักปราชญ์นั้น ก็จะค่อย ๆ คลาดเคลื่อน ห่างออกนอกจากหลักของพุทธภาษิต และอรรถกถา ฎีกา คือพระพุทธภาษิต และอรรถกถา ฎีกา มีความหมายอย่างหนึ่ง แต่ข้อความที่ผู้นั้นนำเอามาบรรยายขยายไปนั้นก็ยังเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่การงานของท่านเหล่านี้ก็ยังคงดำเนินไปด้วยดี พร้อมทั้งผู้ฟังและผู้รับฟังก็ยังคงสนับสนุนอยู่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าประชาชนบางเหล่าก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาดี แต่ก็ไม่รู้ว่าผิดถูกแค่ไหน ทั้งไม่มีความพยายามที่จะรับฟังคำที่ถูกอีกด้วย บางเหล่าก็ไม่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาที่แท้จริงทั้งไม่รู้ว่าผิดหรือถูกประการใดอีกด้วย เพียงแต่มีความประสงค์ที่จะฟังเล่นเพื่อสนุกเท่านั้น ฉะนั้น ผู้ที่ถือตนว่าเป็นนักปราชญ์พร้อมกับสานุศิษย์ที่ยอมตนเป็นผู้รับฟังเหล่านี้ จึงเป็นบุคคลดังกล่าวว่า คนตาบอดไม่กลัวผี

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (3). ..... อนึ่ง ผู้ที่มีความเชื่อถือแต่ในฝ่ายรูปธรรมอย่างเดียวนั้น ย่อมจะพิจารณาค้นคว้าหาเหตุผลที่เกี่ยวกับรูปฝ่ายเดียว ฉะนั้น เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการค้นคว้าหาเหตุผลที่เกี่ยวกับรูปตั้งแต่สิ่งที่ใหญ่ที่สุด แล้วค่อย ๆ ลดลงไป ๆ ตามลำดับ ๆ จนกระทั่งถึงเล็กที่สุดที่อนุมานเรียกกันว่าปรมาณู แต่ถึงกระนั้นก็ยังมิอาจที่จะพิจารณาได้ว่าในปรมาณูเม็ดหนึ่ง ๆ นั้น มีสภาพของรูปอะไรบ้างที่รวมกันอยู่ จึงทำให้เม็ดปรมาณูเกิดขึ้นได้ สำหรับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวเรานี้ พระองค์ย่อมทรงทราบถึงความเป็นไปอยู่ของเม็ดปรมาณูอันหนึ่ง ๆ ว่า มีรูปอะไรบ้างที่รวมกันอยู่จึงทำให้ปรมาณูมีขึ้น พระองค์ทรงสามารถแยกจำนวนรูปในเม็ดปรมาณูที่เล็กที่สุดอยู่แล้ว ออกเป็น ๘ ส่วนได้อีก กล่าวคือเป็น ปถวี อาโป เตโช วาโย วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา และปรมาณูที่เล็กที่สุดนี้ ยังเป็นไปด้วยอำนาจของปัจจัยอีก ๕ ปัจจัย คือ สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย อัตถิปัจจัย อวิคตปัจจัย ที่เข้าช่วยอุปการะในคราวเดียวกัน จึงทำให้ปรมาณูเม็ดหนึ่ง ๆ นั้นปรากฏเป็นไปได้ตามสมควรแก่เหตุปัจจัย ดังที่กล่าวมาแล้ว ..... วิทยาศาสตร์อย่างสูงสุดนี้ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้แล้วเฉพาะหน้ามวลหมู่เทพยดา, มาร, พรหมทั้งหลายที่ในดาวดึงสาเทวโลก ซึ่งชาวเราทั้งหลายเรียกกันว่า อภิธรรมปิฎก นั้นเอง ..... ในสมัยที่ลัทธิต่าง ๆ กำลังแพร่หลายอย่างไพศาล ดังที่เราได้เห็นกันอยู่ ณ บัดนี้นั้น บุคคลใดมาเคารพนับถือเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา บุคคลนั้นก็นับว่าเป็นผู้มีโชคดีอย่างที่สุดหาอะไรจะมาเปรียบเทียบมิได้ ต่อมาถ้าหากว่า ผู้นั้นได้รับการศึกษาเล่าเรียน ท่องจำ ในพระอภิธรรม มหาสติปัฏฐานสูตร ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อนัตตลักขณสูตร มงคลสูตร เหล่านี้เป็นต้นได้อีก ก็ย่อมเป็นสิริสวัสดิมงคลแก่ตนของตนอย่างสูงสุด ต่อมาถ้าผู้นั้นได้มีโอกาสปลีกตน หลีกเร้นออกไปอยู่แต่ผู้เดียวในสถานที่ที่ห่างไกลจากเสียงอื้ออึง เอิกเกริก เฮฮา ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับชาวบ้าน คงได้รับแต่ความเงียบสงัดมีแต่เสียงสายลมพัดผ่านไปมา ในท้องอากาศพร้อมกับใบไม้ไหวในขณะที่ต้องลม ซึ่งกำลังเป็นไปตามธรรมชาติอย่างเดียวเท่านั้น เเล้วก็จะพิจารณาเห็นการเกิดขึ้นติดต่อกันตามลำดับแห่งนามรูปวิถีของชนทั้งปวงที่มีอยู่ในโลกว่า กายใจของเราและของคนอื่นที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นแถว ๆ ที่เป็นนามรูปวิถีนี้นั้น เป็นธรรมที่เกิดขึ้นโดยอาศัยปัจจัย ปัจจยุปบันเกี่ยวเนื่องกันโดยไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งเข้ามาจัดเเจง คงเป็นไปตามธรรมนิยาม จิตตนิยาม (ความแน่นอนแห่งจิตที่ต้องเป็นไปอย่างนั้น) เท่านั้น ..... เมื่อได้พิจารณาเห็นเช่นนี้ ก็อาจที่จะอำนวยประโยชน์โสตถิผลให้บุคคลนั้นได้รับความสำเร็จตามความประสงค์ของตน ๆ คือเป็นสาวกโพธิญาณ ปัจเจกโพธิญาณ สัมมาสัมโพธิญาณ สมดังที่บัณฑิตทั้งหลายได้กล่าวไว้ว่า .. สยํ พุทฺโธ สมฺโพเธสิ __ ธมฺเมปี ธมฺมสตฺติโย .. อโห โน ตสฺส สุตตฺตํ __ อโห โน ธมฺมจินฺตนํ ฯ ..... แปลความว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด เป็นผู้ทรงมีชัยชนะต่อเวรภัย ทั้งที่เป็นภายในและภายนอก พระองค์นั้นย่อมทรงรู้แจ้งนามรูปวิถีที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปสืบเนื่องกัน ติดต่อกันไม่ขาดสายตามธรรมชาติของจิตตนิยาม และทรงรู้แจ้งอำนาจปัจจยธรรมทั้ง ๒๔ ประการ ที่ช่วยอุปการะให้ผลเกิดขึ้นโดยลำพังพระองค์เอง กับทรงแสดงให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายได้รู้เห็นในเรื่องเหล่านี้ด้วย โอ เป็นที่น่ายินดีจริงหนอ ที่พวกเราทั้งหลายได้รับผลอันล้ำเลิศในการที่ได้มาเป็นสาวก สาวิกา แล้วได้รับการอบรมฟังธรรมคำสั่งสอนของพระองค์นี้ และเป็นที่น่าปลื้มใจยิ่งจริง ๆ หนอ ในเมื่อเราได้พิจารณาถึงเหตุผลที่เกิดขึ้นติดต่อกันตามสภาพธรรมล้วน ๆ โดยไม่ใช่เป็นสัตว์เป็นบุคคลแต่ประการใดแล้ว ทำให้เราได้รับผลคือเกิดปัญญารู้เห็นแจ่มเเจ้งกว้างขวางในธรรมที่เป็นอนัตตะ

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (2). ..... ถ้าจะกล่าวโดยตรงแล้วศาสนาอื่น ๆ ที่นอกจากพระพุทธศาสนานั้น ไม่มีการกล่าวถึงสภาพของนามธรรมที่มีหน้าที่โดยเฉพาะ ๆ ที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายได้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ นับตั้งแต่การเห็นการได้ยินเป็นต้น จนกระทั่งถึงการคิดนึกในกิจการทั้งปวงนั้นว่าเป็นสภาพของนามธรรมแต่ประการใดไม่ เพียงแต่กล่าวกันว่าได้ใช้สมองทำการงานอย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้างเท่านั้น อุปมาเหมือนหนึ่งหมอกลางบ้าน เมื่อได้พบเห็นคนไข้เป็นไข้ไทฟอยด์อย่างหนักอยู่ ก็เข้าใจว่าเป็นไข้ที่ผิดเจ้าป่า หรือถูกเจ้าป่าเข้าสิง แล้วก็ใช้ยากลางบ้านเป็นเครื่องรักษาบ้าง ใช้คาถาเสกเป่า รดน้ำมนต์ บ้าง เมื่อเห็นคนไข้มีอาการสั่น ก็เข้าใจว่าเจ้าป่าสิงแล้ว ก็ใช้ไม้เฆี่ยนเป็นทำนองขับไล่ผีดังนี้ ผลที่สุดคนไข้ก็ต้องถึงแก่ความตาย เพราะอาศัยความเข้าใจผิดของหมอกลางบ้านนั้นเอง ข้อนี้ฉันใด ผู้ที่กล่าวว่าได้ใช้สมองทำงานอย่างนั้นอย่างนี้ก็ฉันนั้น ซึ่งแท้ที่จริงนั้นการกล่าวกันว่าสมองโปร่ง, สมองโล่ง, สมองทึบ, หรือปวดสมองต่าง ๆ เหล่านี้นั้น ข้อนั้นก็เนื่องมาจากความเป็นไปของจิตตชรูป ซึ่งเกิดมาจากนามธรรม มีโลภะ,โทสะ, โมหะ, ปัญญา, สัทธา เป็นต้น ที่ได้แผ่ซึมซาบตลอดทั่วไปในสรีระร่างกายนั้นเอง ..... ในหมู่ชนชาวพระพุทธศาสนาของเราทั้งหลายนี้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือหนุ่มสาว แก่เฒ่า เพียงใดก็ตาม ที่ไม่มีความรู้ในเรื่องศาสนาพุทธดีพอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือไม่ได้รับการศึกษาในด้านพระอภิธรรมเหล่านี้ ก็คงมีความเห็นความเข้าใจคล้อยตามลัทธินั้น ๆ ไปด้วย อุปมาเหมือนผู้ที่ใกล้ชิดต่อกับชาวประมงหรือพรานป่าอยู่เสมอ ๆ ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นกลับกลายเป็นชาวประมงหรือพรานป่าไปได้ฉันใด บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่ไม่ได้รับการศึกษาดีพอในด้านพระอภิธรรม ย่อมจะกลับกลายไปได้ฉันนั้น ..... แต่เป็นที่น่าเสียดายอยู่ว่า บรรดาผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ๆ เหล่านั้นมีความเข้าใจต่อพระบรมศาสดาของเราว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในหมู่ลัทธิเหมือน ๆ กัน หรือเท่า ๆ กันกับผู้ที่เป็นศาสดาของเขาเท่านั้น ไม่เข้าใจว่าพระองค์เป็นผู้ทรงคุณอันเลิศหาที่เปรียบมิได้ สมดังที่มีคาถาพระบาลีแสดงไว้ว่า .. สุชนาสุชนา สพฺเพ __ คุเณนาปิ วิเวกิโน .. วิเวกํ น สมายนฺติ __ อวิเวกิชนนฺติเก ฯ (มาในสุโพธาลังการ) ..... แปลความว่า สัปบุรุษคือบัณฑิต และอสัปบุรุษคือคนพาลทั้งหลาย แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันโดยคุณธรรมก็จริง แต่ก็ไม่ทำให้เข้าถึงความแตกต่างกันอันสมควรในบรรดาชนที่ไม่มีวิจารณปัญญาทั้งหลาย กล่าวคือชนทั้งหลายที่ไม่มีวิจารณปัญญา ซึ่งเป็นปัญญาที่สำคัญนั้น คงมีแต่ปัญญาธรรมดา และมารยาสาไถย อิจฉาริษยา เหล่านี้ ย่อมไม่ได้กระทำให้บุคคลทั้งสองฝ่ายต่างกัน คงเห็นว่าเสมอเหมือนกันหมดทั้งสิ้น

  • @tete4910
    @tete491016 сағат бұрын

    (1). คำว่า ศาสนา นั้น ..... มาจากคำบาลีที่ว่า สาสน นั่นเอง ฉะนั้น คำว่า ศาสนา นี้ จึงหมายความว่า เป็นธรรมที่เบียดเบียนประทุษร้ายต่อกิเลสทั้งปวง ดังมีวจนัตถะแสดงว่า กิเลเส สาสติ หึสตีติ = สาสนํ (สสุ ธาตุ, ยุ ปัจจัย, สสุ = หึสายํ) หรืออีกนัยหนึ่ง คำว่าศาสนา หมายความว่า ธรรมที่เป็นที่ตั้งแห่งการอบรมสั่งสอนมนุษย์ พร้อมทั้งเทวดาและพรหม ชื่อว่า สาสนะ หรือธรรมที่เป็นเหตุแห่งการอบรมสั่งสอนมนุษย์ พร้อมเทวดาและพรหม ชื่อว่า สาสนะ ดังมีวจนัตถะแสดงว่า สเทวกํ โลกํ สาสติ เอตฺถาติ = สาสนํ (วา) สเทวกํ โลกํ สาสติ เอเตนาติ = สาสนํ (สาส ธาตุ ยุ ปัจจัย, สาส = อนุสิฏฺฐิมฺหิ) ..... ศาสนาคือคำสอนซึ่งเป็นที่นิยมนับถือของชาวโลกนั้น มีอยู่หลายศาสนาด้วยกัน บรรดาผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ เหล่านี้ ต่างก็มีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงแสดงถึงบุคคลที่เป็นศาสดาของตน ๆ พร้อมทั้งประวัติ กับคำสอน และระเบียบเสมอไป สำหรับประวัติและคำสอนของศาสดาอื่น ๆ เหล่านั้น อาตมาจะไม่ขอกล่าว เพราะท่านทั้งหลายก็คงจะทราบดีอยู่แล้ว ..... เมื่อได้พิจารณาเปรียบเทียบระหว่างประวัติ คำสอน ระเบียบ ของพระพุทธองค์กับศาสดาอื่น ๆ เหล่านั้น ก็จะพึงเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันคือ #ว่าโดยประวัติ เหมือนหนึ่งการเกิดขึ้นของแก้วมณีและเพชรที่ดีเลิศกับก้อนกรวด #ว่าโดยคำสอน แล้วเหมือนหนึ่งหลักสูตรในมหาวิทยาลัยกับหลักสูตรในโรงเรียนประชาบาล #ว่าโดยระเบียบ เหมือนหนึ่งระเบียบของกษัตริย์กับของชาวป่า ..... ฉะนั้น ความเห็นความเข้าใจและการปฏิบัติของผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ จึงมีความแตกต่างกันคือ ความเห็น ความเข้าใจ และการปฏิบัติของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธนั้น เหมือนของผู้ที่เดินไปในท่ามกลางแสงสว่างส่วนความเห็น ความเข้าใจ และการปฏิบัติของผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ๆ เหล่านั้น เหมือนกับผู้ที่เดินไปในท่ามกลางความมืด ..... อนึ่ง คำสอนของศาสดาอื่น ๆ ที่นอกจากพระพุทธองค์ ไม่มีการสอนถึงความเป็นไปของสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งเป็นรูป นาม โดยความเป็นอนัตตะ มีแต่การแสดงยกอัตตทิฏฐิที่เห็นว่า รูป นาม เป็นตัวตนขึ้นแสดงตามโวหารชาวโลก อันเป็นเหตุให้เกิดแต่มิจฉาทิฏฐิต่าง ๆ และความสนุกสนานเพลิดเพลินกับความหลง ความถือตัว ความสงสัย เหล่านี้ให้เจริญขึ้นเท่านั้น อนัตตสัมมาทิฏฐิไม่มีโอกาสที่จะปรากฎขึ้นได้ ดังที่อาตมาภาพได้ยกขึ้นเปรียบเทียบไว้ ณ เบื้องต้นว่าบรรดาชาวโลกที่นับถือศาสนาดังกล่าวแล้วนี้ อุปมาเหมือนหนึ่งผู้ที่ได้เดินทางไปในท่ามกลางความมืด ..... ส่วนคำสอนของพระบรมศาสดาแห่งชาวเรานี้ นอกจากอาณาเทศนา (การแสดงธรรมในลักษณะเป็นข้อบังคับ คือ พระวินัยปิฎก) โวหารเทศนา (การแสดงความยักย้ายสำนวนให้เหมาะสมแก่จริตอัธยาศัยของผู้ฟัง คือ พระสุตตันตปิฎก) แล้ว ยังมีการสอนการแสดงถึงปรมัตถเทศนา (การแสดงเจาะจงเฉพาะเนื้อหาของธรรมชั้นสูง ไม่เกี่ยวด้วยท้องเรื่องหรือโวหาร ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งแก่การดับทุกข์ คือ พระอภิธรรมปิฎก) อีกด้วย ได้แก่ความเป็นไปของสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งเป็นรูปกับนามที่เกิดขึ้นตามสภาพธรรมนิยาม (ความแน่นอนแห่งธรรมที่ต้องเป็นไปอย่างนั้น) โดยอาศัยเหตุปัจจัยต่าง ๆ เพื่อจะให้ผู้ฟังหรือผู้ศึกษาได้รับความรู้ความเข้าใจที่จะทำลายล้างอัตตทิฏฐิที่เป็นมูลรากของมิจฉาทิฏฐิ พร้อมกับบรรเทาความเพลิดเพลิน ความถือตัว ความสงสัย ให้หมดสิ้นไป แล้วกลับให้อนัตตสัมมาทิฏฐิซึ่งเป็นมูลรากแห่งความเลื่อมใส ความพยายาม ความระลึก ความตั้งมั่น ความเห็น ความเข้าใจในสิ่งที่สมควรเกิดขึ้น ดังที่อาตมาภาพได้ยกขึ้นเปรียบเทียบไว้ ณ เบื้องต้นว่าบรรดาชาวโลกที่นับถือศาสนาพุทธนั้น เหมือนหนึ่งผู้ที่ได้เดินทางไปในท่ามกลางแสงสว่าง

  • @0B1AL0NE
    @0B1AL0NE16 сағат бұрын

    ขอชื่นชมแอดครับ เพราะการนำเสนอได้นำมาจากพระสูตรโดยตรง (ถึงบางความเห็นจะนำมาจากสาวกภาษิตบ้าง ซึ่งจะไม่เที่ยง ไม่แน่นอน ไม่เป็นอกาลิโกเหมือนพระสูตรจากพระพุทธโอษฐ์)

  • @thitiyasawasdee4934
    @thitiyasawasdee493418 сағат бұрын

    คนที่พูดบรรยาย พูดไม่คําไม่ชัด

  • @giftedp4701
    @giftedp470118 сағат бұрын

    ไปกับพระเยชูดีกว่าครับเพราะเราจะพ้นจากบาป😂

  • @SuperMaximus1991
    @SuperMaximus199123 сағат бұрын

    กระดูกไดโนเสาร์อายุเป็นร้อยล้านปียังพบเจอ แต่โครงกระดูกมนุษย์ที่มีความสูงเว่อๆนี่ ยังไม่เคยเจอนะครับ พูดถึงเฉพาะในชมพูทวีปนะ

  • @salidsanphetsornplerng2497
    @salidsanphetsornplerng249715 сағат бұрын

    มันน่าจะเปลี่ยนเป็นหินเป็นอัญมณีไปหมดแล้ว ยุคไดโนเสาร์เป็นล้านปีเอง นี่เป็นหลักอสงไขยปี กว่าจะมีมนุษย์กว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีก

  • @zeroffth3698
    @zeroffth3698Күн бұрын

    น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ครับ

  • @kntbjdnk3003
    @kntbjdnk3003Күн бұрын

    ยุคเซียนยังมีเลยครับ

  • @kryptoniancharn1581
    @kryptoniancharn1581Күн бұрын

    มนุษย์​คนที่เหาะไปทั่วจักรวาลก็คือกฤษณทไวปายนะหรือ​ท่านฤาษีวยาสนั่นเองท่านเป็นอมตะและมีฤทธิ์มากเทียบเท่ามหาเทพเลยน่ะ😛

  • @supachaindt3000
    @supachaindt3000Күн бұрын

    อีกท่านนึงเป็นผู้ที่่หมดกิเลสแล้ว เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน อีกท่านนึงยังเป็นเทพผู้ที่ยังวงเวียนอยู่ในกิเลสอยู่เลย...

  • @user-rm2zp7nz9t
    @user-rm2zp7nz9tКүн бұрын

    เหมือนปลาคนละบ่อรึป่าวนะ

  • @user-km7ct1dp9c
    @user-km7ct1dp9cКүн бұрын

    ต้นกัลปพฤก์ เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ต้นไม้แบบที่ชาวโลกเราเข้าใจ คิดอะไรก็ไปเอาที่ต้นไม้ เหมือนต้นไม้นี้เป็นสิ่งสร้าง สิ่งประดิษฐ์นะ อารมณ์เหมือนตู้กดน้ำอัดลมในโลกเรา ตู้เต่าบินอ่ะ คิดอยากกินอะไรก็จิ้มเอา😂

  • @salidsanphetsornplerng2497
    @salidsanphetsornplerng249715 сағат бұрын

    มันมีมากกว่านั้นครับ ยุคนี้มนุษย์ยุในยุคที่จิตใจยังไม่พัฒนา กายก็มีความเป็นทิพย์น้อย มันก็มีได้แต่ของแบบนี้ละครับ รออีกหน่อย กึ่งพุทธกาล ในพุทธทำนาย พระศรีอาริย์ จะมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะได้เห็นอะไรดีดีครับ ที่ต้องเป็นพระศรีอาริย์ก็เพราะอดีตชาติทำกรรมร่วมกันไว้กับพระสมณโคดมครับผม ปกติท่านรอเป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่น่ามาเกิดอีก

  • @user-mc6gd1kz2f
    @user-mc6gd1kz2fКүн бұрын

    บุคคลที่ตายในฌานจะไปเกิด เป็นพรหม ในพรหมโลก ถ้าตายแบบไม่ได้เข้าฌาน ก็ไป นรก หรือ สวรรค์ แล้วแต่กรรม ที่สั่งสมไว้😊😊😊😊😊😊😊😊😊

  • @MrEmChannel
    @MrEmChannelКүн бұрын

    ใช่ครับผมก็คิดแบบนั้นว่าตายในฌานต้องเป็นพรหม แต่จากข้อมูลที่หามาหลายๆที่ ส่วนใหญ่จะเขียนว่า โรหิตตัสสะเทพบุตร ก็คือเทวดา อันนี้ก็เลยยังสับสนอยู่ แต่ตอนพูดออกไปก็ยังต้องอ้างอิงในข้อมูลที่หามา ว่าเป็นเทพบุตร ยังไงก็ขอคำชี้แนะด้วยครับ 🙏☺️

  • @user-ik1ie7nz8g
    @user-ik1ie7nz8gКүн бұрын

    ทุกสิ่งทุกอย่างการศึกษามีประโยชน์จริงแต่สิ่งที่รู้ทั้งหมดวิทยาศาสตร์ทั้งหมดก็ต้องทิ้ง มิติหรือนิพพานก็อยู่ในตัวเราในลมหายใจของเราการศึกษาวิทยาศาสตร์ปัจจุบันจะไร้ค่า เพราะไม่มีใครสร้างเครื่องทลุมิติได้ เครื่องไปนิพพานได้ นอกจากการรู้อยู่ในลมไม่ส่งจิตออกนอก ฉนั้นทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกจึงเป็นสิ่งไร้ค่า ปริญญาเอกก็ไร้ค่า

  • @user-hl8wi7kj2p
    @user-hl8wi7kj2pКүн бұрын

    ผมเคยอ่านหนังสื่อUFOมีอยู่ทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นไปได้คือ ในจักรวาลหนึ่งมีล้านๆแกแลคซี่และแต่ละแกแลคซี่มีดาวเป็นล้านๆดวง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความพิเศษที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่แค่โลกเราใบเดียว และผมก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกันครับ

  • @dernbondin6906
    @dernbondin6906Күн бұрын

    #ความอัปรีย์​ของพระพุทธเจ้า​ ที่สร้างเรื่องโกหกขึ้นมาหลอกแดก

  • @AaaBbb-yt5we
    @AaaBbb-yt5weКүн бұрын

    ขนาดตัวก็ขึ้นอยู่ดับขนาดอายุด้วย มนุษย์ชมพูทวีปตอนที่มีอายุไขเยอะๆหลายพันปี หมื่นปีก็ตัวสูงใหญ่่ เทวดาก็ตัวสูงใหญ่ อยู่ที่บุญด้วย

  • @swwk3408
    @swwk3408Күн бұрын

    แอตมินมีความเข้าใจในธรรมดีมากครับ จึงมีการอธิบายได้ถูกต้องดีมาก การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทั้งปวงครับ สาธุ สาธุ สาธุ

  • @MrEmChannel
    @MrEmChannelКүн бұрын

    สาธุครับ ❤️☺️🙏

  • @knuwpaoh6445
    @knuwpaoh6445Күн бұрын

    🙏🙏🙏

  • @bubbaarm5332
    @bubbaarm5332Күн бұрын

    ฟังเอาฮ่าได้อยู่

  • @kiattisakarsakhati5333
    @kiattisakarsakhati5333Күн бұрын

    พูดอะไรวกไปวนมาผมไม่เข้าใจ.. หรือผมโง่

  • @nattawipanananana9869
    @nattawipanananana9869Күн бұрын

    ปิรามิดที่หาคำตอบไม่ได้ว่าใครสร้าง คงจะเป็นคนในยุคที่มีความสูง80ศอกสร้างขึ้นแน่เลย

  • @MK-fd5rl
    @MK-fd5rlКүн бұрын

    ขอขอบคุณคลิปนี้ ที่ช่วยเตือนสติ ให้เป็นคนดี 12:58

  • @user-gn5fy4sq6v
    @user-gn5fy4sq6vКүн бұрын

    ฟังแล้วได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสานาพุทธมากมายมีประโยชน์มากแต่มีอย่างเดียวขอติแอดพูดบรรยายออกเสียงร.เป็นล.ทำให้สูญเสียอรรถรสในการฟังไปอย่างน่าเสียดายอยากให้แอดปรับปรุงตรงจุดนี้น่าจะเป็นประโยชน์ตรอแอดและจะทำให้น่าฟังและติดตามมากยิ่งขึ้น

  • @ohskitchen3938
    @ohskitchen3938Күн бұрын

    หน้ากลัวมาก

  • @ani-mongfigure1083
    @ani-mongfigure1083Күн бұрын

    การโยงแบบนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ และก็จะมีคนที่เชื่อเป็นตุเป็นตะ

  • @tahanlaoboy
    @tahanlaoboy2 күн бұрын

    หลวงพ่อฤๅษี​ลิง​ดำ​พูดใว้ชัดเจนลองไปฟํงเรื่องจุไรท่องดาวต่างๆ

  • @salidsanphetsornplerng2497
    @salidsanphetsornplerng249715 сағат бұрын

    ใช่ๆ

  • @wangganglea
    @wangganglea2 күн бұрын

    ชัดเลยครับ ที่เล่ามาทั้งหมด มันย้อนแย้งกับหลักฐานการค้นพบของ นักวิทยาศาสตร์ มันชัดว่า ทั้งหมดที่เล่ามา คือ นิทาน

  • @user-ip7lo9qo1y
    @user-ip7lo9qo1y2 күн бұрын

    สาธุๆครับ🙏🙏🙏

  • @MrEmChannel
    @MrEmChannelКүн бұрын

    สาธุครับ 🙏❤️☺️

  • @queuequeenpower8232
    @queuequeenpower82322 күн бұрын

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือบุญที่หล่อหลอมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ละเอียดมากอยู่บน มนุษย์ใจหยาบลากเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเทียบ ตามสันดานตัวกูของกู ผู้มีเมตตา รักผู้อื่นโดยไร้เงื่อนไข ไร้สภาวะตัวกูหรือมีน้อย ที่เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอยู่เหนือ อย่าเอาอัตรามาตีความอนัตตา เหมือนเอาลมปากเป่าปิรามิดเลยครับ

  • @buddyiamp7879
    @buddyiamp78792 күн бұрын

    เกิดเป็นเทวดาย่อมดีกว่าเกิดเป็นสัตว์นรก

  • @chompooqdeer3218
    @chompooqdeer32182 күн бұрын

    ทุกคนคงจะสงสัยว่า เป็นไปได้หราที่คนจะตัวใหญ่ขนาดนั้น คุณลองคิดดูนะครับ ดาวคนละดวง ขนาดของดาว แรงดึงดูด แรงโน้มถ้วง และสภาพอากาศ มันมีผลอยู่แล้ว ลองคิดเล่นๆไม่ต้องไปไกล ถึงดาวทวีปอื่น ถ้าดาวพฤหัส กำเหนิดสิ่งมีชีวิตเป็นมนุษย์ขึ้นมา คนจะต้องสูงใหญ่แค่ไหน เพื่อที่จะเอาชนะแรงดึงดูด คนจากดาวอื่นเขาไม่ได้แปลกที่ ตัวใหญ่ผิดปกติหรอก แต่มันปกติ กับดาวที่เขาโตมาแค่นั้นเอง แล้วยุคของพระพุทธเจ้าองอื่น ในชมพูทวีป ก้อไม่ต้องตกใจว่าเป็นโลกปัจจุบัน เพราะ พระพุทธเจ้าแต่ละยุค ถ้านับเวลาจริงๆโลกแตกแล้วแตกอีก ไปนับไม่ถ้วนแล้ว สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ที่พระพุทธเจ้ารู้ก่อนวิทยาศาตร์อีก มีหลายเรื่องมากมายเลยละ อีกเรื่องนึงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้แล้ว ถึงจะยังไม่ได้เกิดแล้ว แต่เราเห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าซักวันมันต้องเกิดแน่ นั้นก้อคือ ดวงอาทิตย์ดวงที่สอง ถ้าใครลองศึกษา พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ดวงอาทิตย์ดวงที่สองเกิดจากกรรมของมนุษย์ กรรมในทางพุทธศาสนาจริงๆ ก้อคือการเจตนาทำ นั้นแปลว่า ดวงอาทิตย์ดวงที่สอง มนุษย์ ตั้งใจสร้างขึ้นมา มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง ลองดูข่าวเทคโนโลยีปัจจุบันดูก้อได้ มีประเทศนึงสร้างดวงอาทิตย์ปลอมได้แล้ว ซึ่งร้อนกว่าดวงอาทิตย์จริงหลายเท่า อนาคตไม่แน่ว่า คนอาจจะเอาดวงอาทิตย์ปลอมนี้ไปปล่อยในอวกาศก้อเป็นได้

  • @bounpasongsisouvanh5440
    @bounpasongsisouvanh54402 күн бұрын

    ຂະຫນາດພຽງແຕ່ຟັງຍັງປື້ມປິຕິຂິຫນາດນີ້ 🙏🏼🙏🏼🙏🏼

  • @MrEmChannel
    @MrEmChannelКүн бұрын

    🙏🙏🙏

  • @user-gw2ld9wk2v
    @user-gw2ld9wk2v2 күн бұрын

    เราหนีกรรมไม่ได้คับ เราสามารถออกมาจากระบบของ กรรม ได้คับ

  • @MrEmChannel
    @MrEmChannelКүн бұрын

    สาธุครับ 🙏

  • @itnidi
    @itnidi2 күн бұрын

    อืมม