สนับสนุนช่อง เผยแผ่ธรรมที่บัญชีเลขที่ 677-9-89493-1 ธ.กรุงไทย ชื่อบัญชี พระไพเดช
ยอดเยี่ยมเลยครับสาธุ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญ และน้อมกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ🙏🏿🙏🏿🙏🏿
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
พุทโธ สาธุ
นานา_กราบสาธุ
ไทย อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุสาธุ อินเดีย อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุสาธุ
๑๓๑) ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ (จากพระไตรปิฏก ฉบับหลวง๔๕เล่ม ในเล่มที่๑๐) สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในแค้วนกุรุ มีนิคมหนึ่งของแค้วนกุรุ ชื่อกัมมาสธรรม ณ.ที่นั่น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่าทูลรับต่อพระผู้มีพระภาคแล้ว. (๑๓๒) พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เห็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หนทางนี้คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ สติปัฏฐาน ๔ ประการเป็นไฉน ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ การพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่าฦ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี เธอนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสตไว้เฉพาะหน้า กายที่ ๑ ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า มีสติ หายใจออก มีสติ หายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขาร หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า ย่อมอยู่ หายใจออก อนึ่ง หายใจเข้า สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ หายใจเข้า ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก
กราบสาธุสาธุเจ้าค่ะกราบสาธุเจ้าค่ะ😊❤❤😊
กราบสาธุสาธุเจ้าค่ะบูชาธรรมอันประเสริฐกราบสาธุ❤❤
กราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ ฟังง่ายเข้าใจได้ดีมากๆเจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️
ขออนุโมทนากับพระอาจารย์ที่สอนธรรมขั้นปฏิบัติจริงถึงที่สุดแห่งทุกข์ ได้จริง สาธุๆๆ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญ และน้อมกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ 🙏🏿🙏🏿🙏🏿
กราบสาธุค่ะ
กราบสาธุสาธุสาธุครับ
สาธุเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
นมัสการพระคุณเจ้า คำว่า สันตติ สันตติพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าเป็นรูปหรือเป็นนามขอรับ ถ้าเป็นรูปจัดเป็นรูปประเภทไหน ถ้าเป็นนาม เป็นนามอะไร ขอรายละเอียดเพิ่มด้วยขอรับ สาธุ
สันตะติ เป็นกริยาของการสืบต่อ ของรูปกับนาม
กราบนมัสการหลวงปู่ครับ ท่านคือผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานโดยแท้ครับ
นานานารึผู้ติดตามสาธุ
ขอกราบนมัสการ กราบขอบพระคุณ กราบอนุโมทนาสาธุ ด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
สาทุสาทุสาทุ
"กราบมนัสการ หลวงปู่ " ครับ
เอกายโดยอยังภิขเวมรรคโคกราบพระอาจารย์.เดชผู้เป็นรัตนห้า.ผู้เปิดของที่ปิด.หงายของที่ควำ่.บอกทางแก่คนหลงทาง.จุดประทีแในที่มืดกราบสาธุ
กายที่ ๒ อริยาบถ เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่า เรายืน หายใจออก เมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่า เราเดิน หายใจเข้า เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่า เรานั่ง หายใจออก เมื่อนอน ก็รู้ชัดว่า เรานอน ทายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า ย่อมอยู่ หายใจออก อนึ่ง หายใจเข้า สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ หายใจเข้า ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก
ສາທຸ
สาธุ เจ้าค่ะ
คุณวิเศษของอนุตตรธรรมบำเพ็ญจริงนำพาไปสู่การหลุดพ้นได้จริงสิ่งที่สำคัญต่อสายไตรรัตน์นำพาให้เข้าใจถึงความกระจ่างรู้แจ้งในจิตพุทธะที่ดังเดิมค่ะ
กราบสาธุบูชาธรรมอันประเสริฐแรงบุญแรงอธิษฐานขอบารมีพ้นทุกข์เทอญ
กราบ นมัสการผมขอเป็นศิษย์ พระอาจาร์ย ด้วย คับ
สาธุในธรรม..ครับ 💐 🙏🙏🙏
พระอาจารย์คือผู้ชี้ ขุมทรัพย์ ทางปัญญา อริยทรัพย์ภายใน นิพานปัจจโย โหนตุค่ะ
กราบนมัสการค่ะ
กราบบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครับ
สาธุฟังเข้าใจง่ายดี
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ🙏🙏🙏
กราบสาธุๆๆๆ
กราบ..สาธุ
กราบสาธุสาธุสาธุ...
กราบพระรัตนตรัย3จบครับ
😂😂😂😂😂ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ
กายที่ ๓ พิจารณาสัมปชัญญะ... กายที่ ๔ พิจารณาปฏิกูล... กายที่ ๕ พิจารณาธาตุ... กายที่ ๖ (พิจารณานวสีวถิกา)พิจารณาเห็นสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า ตายมาแล้ว ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน ... กายที่ ๗ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า ที่ฝูงสัตว์ต่างๆกัดกินอยู่บ้าง ... กายที่ ๘ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก ยังมีเลือดและเนื้อ ยังมีเส้นเอ็นผูกรัดอยู่ ... กายที่ ๙ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก ยังเปื้อนเลือดแลต่ปราศจากเนื้อแล้ว ยังมีเส้นเอ็นผูกรัดอยู่... กายที่ ๑๐ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก แต่ปราศจากเลือดและเนื้อแล้ว ยังมีเส้นเอ็นผูกรัดอยู่... กายที่ ๑๑ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก ปราศจากเส้นเอ็นผูกรัดแล้ว กระเรี่ยรายไปในทิศน้อยทิศใหญ่... กายที่ ๑๒ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นกระดูกสีขาว เปรียบด้วยสีสังข์... กายที่ ๑๓ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นกระดูก กองเรี่ยราย เก่าเกินปีหนึ่งไปแล้ว... กายที่ ๑๓ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นกระดูกผุละเอียดแล้ว...เธอย่อมน้อมเข้ามาสู่กายนี้แหละว่า ถึงกายอันนี้เล่า ก็มีอยู่อย่างนี้เป็นธรรมดา คงเป็นอย่างนี้ ไม่ล่วงความเป็นอย่างนี้ไปได้ ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า ย่อมอยู่ หายใจออก อนึ่ง หายใจเข้า สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ หายใจเข้า ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก พิจารณากายที่เป็นบัญญัติ......กาย พิจารณากายเป็นปรมัต...........ในกาย จนเห็นกายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน (อนิจจัว ทุกขัง อนัตตา) สาธุ สาธุ สาธุ ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ทุกๆท่าน พระสูตรนี้ มีท่านพระอาจารย์สุรศักดิ์ สอนได้ดีที่สุด ครับ 23/04/63 ...21.09-23.03 ...ROCK CITYHUNTER...
ชัดเจนมากค่ะ สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
แจ่มแจ้ง แตกฉาน☺☺☺☺☺
สาธุ
สภาพที่เปลี่ยนไปก็เพราะต้องเปลี่ยน ไม่เปลี่ยน็ไม่ได้เพราะถูกผลักดันจากการที่ทนต่อความบีบคั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว เช่นการกระพริบตา หนังตาเราทนอยู่เฉยต่อไปไม่ได้แล้วจากการทนต่อการบีบคั้นมาจากการกระพริบครั้งก่อน ในที่สุดสายป่านก็ขาด มันจึงจำเป็นต้องกระพริบอีกครั้งหนึ่ง คือเปลี่ยนสภาพจากไม่กระพริบเป็นกระพริบ ท่านจึงพูดถูกแล้วนี่
เกิดขึ้นมาตั้งอยู่ดับไปสาธุเจ้าค่ะ
อ่านหนังสือ มรรคมีองค์ 8 หลวงปู่เดช ที่ลิ้งค์นี้ dejbhikkhu.blogspot.com/2023/09/8_30.html
เรียนถามท่านผู้รู้ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คำว่าทุกขัง ในที่นี้ กับทุกข์ในอริยสัจสี่ ความหมายเดียวกันไหม หรือคนละความหมาย......ครับ ใครรู้แจ้ง......ช่วยชี้แจงทีครับ....ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ภาวะธรรม ไม่พูดถึงคน มีแต่สิ่งเกิด -แปร - แล้วดับ จะเห็นอนิจจัง เห็นตอนเกิด จะเห็นทุกขัง เห็นหลังจากการเกิดแล้ว คือกำลังแปรไป จะเห็นอนัตตา เห็นตอนจบ หรือ เห็นรวมเป็นอันเดียวกันก็ได้(การพิจารณาโดย เอาตัวคนเป็นบรรทัดฐาน จะไม่เข้าใจ) ทุกข์ในอริยะสัจ เหมือนไม้ต้นนึง ทุกข์ กาย ทุกข์ใจ เหมือนใบ เหมือนดอก เหมือนเปลือก กระพี้ เป็นต้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีอยู่ในสิ่งไม่มีชีวิตด้วย แต่อริยะสัจจ์ สี่ หมายเอา สิ่งที่เกิดปรากฎในใจ ใจเท่านั้นที่รับรู้ัได้ แล้วจะรับรู้ได้ก็เกิดที่ใจนั้น เท่านั้น ถ้าเข้าใจ มันคืออันเดียวกันทั้ง หมด แต่การแยกบรรยายก็ทำให้คนเกิดธรรมจักขุได้
@@ADATRUE ตามความเข้าใจ กระผมรู้สึกว่า ถ้าเราตัดตัวเราออกไป แล้วใครจะเป็นผู้มาสังเกตุ สภาวะที่เป็นกฏไตรลักษณ์ ตรงนั้นครับ เพราะสรรพสิ่งทั้งหลาย จะชื่อว่ามีอยู่ ปรากฏอยู่ ก็เพราะว่าต้องมีผู้ สังเกตุเข้าไปรับรู้มิใช่หรือครับ... และถ้าสมมุติว่าเราแยกตัวตน ออกจากกฏไตรลักษณ์อย่างสิ้นเชิง ผมก็ยังงง อยู่อีกว่า เราจะเข้าใจ เข้าถึง จนแจ่มแจ้ง ต่อกฏไตรลักษณ์ จนเข้าสู่สภาวะหลุดพ้นได้ยังงัย... ถ้าผมเข้าใจดังนี้จะถูกไหมครับว่า ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นที่ดับไป....ด้วยอาศัยพุทธพจน์ข้อนี้ จึงเข้าใจว่า ทุกข์ทั้งมวลพระองค์ทรงตรัสในทุกที่ในพระไตรปิฎกหมายถึงทุกข์ที่เสียดแทงใจมนุษย์เรา อันมีมูลเหตุจากสมุทัยคืออุปปาทาน ความหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ตรงนี้ และเพื่อที่จะแก้ใข ทุกข์ตรงนั้นเป็นปฐมเหตุ พระพุทธองค์จึงได้บัญญัติศาสนาขึ้นมาเพื่อเยียวยาปลดเปลื้อง สรรพทุกข์นานาในใจ มวลมนุษย์ กระผมเข้าใจดังนี้ ผิดถูกประการใด ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ....
ตัวสังเกตุนั่น คืออนิจจัง เห็นตัวนั้น จึงเห็นอนิจจัง
การอุปมาอุปมัยประกอบสิ่งใดๆไม่ว่าคนสัตว์สิ่งของ ล้วนเป็นอนิจจังทั้งสิ้น คนเรียนพระอภิธรรมมาก่อนจะมีภาคทฤษฎีมาก่อน ทฤษฎีนั้นเป็นสัญญาอารมณ์ที่ขัดขวางปัญญาที่เป็นปัจจัตตัง(รู้ได้เฉพาะตน)หลวงปู่มั่นท่านให้วางหนังสือ ตำหรับตำราไว้ก่อน เพราะเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญเพียร.
@@user-gc5sm3sp2o หา "ญาณ" ให้พบ แล้วจะรู้ว่า อะไรคือ อนิจจัง อะไร คือผู้เห็นอนิจจัง
หลวงปู่ อยู่วัดอะไร จังหวัดไหนครับ
อยากรู้เหมือนกันครับ..หาในกูเกิ้ลก็ไม่มี
นมัสการพระคุณเจ้า จริงหรือ คำว่าอนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา แปลว่า เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้ว อุปาทะ ฐีติ พังคะล่ะหมายความว่าอย่างไร
จากเกิด ถึง ตายไป จะแปลยังไงก็ได้ นั่นแหละ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
1 คำ บัณฑิต แปลได้เป็น 100 ความหมาย คนรู้น้อย เขาว่าแปลไม่ถูก
อุปาท แปลว่า ให้เกิดขึ้น ฐิติ แปลว่า ความตั้งอยู่ ภงฺค แปลว่า แตกทำลาย
ภาพกิ้งก่า 🦎dejbhikkhu.blogspot.com/2023/09/100-thai-chameleon.html
ทุกขัง สภาพที่เปลี่ยนไปแปลไปได้ไง สอนธรรมผิดเป็นการปรามาสธรรมบาปหนัก
ในตัวหมูอ้วน ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน นั้น มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเปล่า มีหัวเราะ มีร้องให้รึเปล่า ถ้ามีร้องไห้ สิ่งสิ่งนั้นเรียกว่าทุกขังรึเปล่า
ความหมายที่ว่าแปรไป คือมันไม่ตั้งอยู่เหมือนเดิม คือมันแปรไป ในระหว่างเกิดขึ้น . . . .ไปถึงดับไป นั่นคือทุกขัง คือแปรไป ไม่ยกเว้นอะไร ในขณะหมูอ้วนเยี่ยว น้ำเยี่ยว ออกไป ไหลอยู่นั้น จนหมด ช่วงนั้นก็แปรไป ในขณะเดียวกันจิตใจหมูอ้วนขณะนั้น อาจสบายอยู่ นั่นก็คือทุกขัง คือแปรไปอยู่ ลมหายใจสูดเข้า ออก ก็ทุกขัง คือแปรไปอยู่ ทุกอย่าง แปรไป และทุกอย่าง ไม่ใช่หมูอ้วน แต่เป็นสังขารที่แปรไป คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะพ้นทกข์ ก็คือพ้นจากสิ่งปรุงแต่งนั้น (สังขาร) สังขารมีลักษณะ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ในขณะที่ร้องไห้นั้น ถ้าหมูอ้วนเข้าใจว่าเป็นทุกขัง มันก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป นั่นเป็นธรรมดา นั่นเป็นเป็นสามัญลักษณะของ สังขาร
อยากให้หมูอ้วยทำความเข้าใจ สมกับ เป็น คนกันเอง
คำว่า "ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้น ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ" ในพระไตรปิฎก ถามว่า จะเอาทุกขัง ในความหมายของหมูอ้วนเข้าใจ ไปไว้ที่ไหน นอกจาก ความแปรไป
น้อมกราบอนุโมธนาสาธุโอวาทธรรมเจ้าตะหลวงปู่,,🙏🙏🙏
Пікірлер: 80
ยอดเยี่ยมเลยครับสาธุ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญ และน้อมกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ🙏🏿🙏🏿🙏🏿
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
พุทโธ สาธุ
นานา_กราบสาธุ
ไทย อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุสาธุ อินเดีย อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุสาธุ
๑๓๑) ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ (จากพระไตรปิฏก ฉบับหลวง๔๕เล่ม ในเล่มที่๑๐) สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในแค้วนกุรุ มีนิคมหนึ่งของแค้วนกุรุ ชื่อกัมมาสธรรม ณ.ที่นั่น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่าทูลรับต่อพระผู้มีพระภาคแล้ว. (๑๓๒) พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เห็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หนทางนี้คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ สติปัฏฐาน ๔ ประการเป็นไฉน ? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้ ๑ การพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่าฦ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี เธอนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสตไว้เฉพาะหน้า กายที่ ๑ ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า มีสติ หายใจออก มีสติ หายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขาร หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า ย่อมอยู่ หายใจออก อนึ่ง หายใจเข้า สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ หายใจเข้า ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก
กราบสาธุสาธุเจ้าค่ะกราบสาธุเจ้าค่ะ😊❤❤😊
กราบสาธุสาธุเจ้าค่ะบูชาธรรมอันประเสริฐกราบสาธุ❤❤
กราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ ฟังง่ายเข้าใจได้ดีมากๆเจ้าค่ะ🙇♀️🙇♀️🙇♀️
ขออนุโมทนากับพระอาจารย์ที่สอนธรรมขั้นปฏิบัติจริงถึงที่สุดแห่งทุกข์ ได้จริง สาธุๆๆ
น้อมกราบอนุโมทนาบุญ และน้อมกราบขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูงยิ่งเจ้าค่ะ 🙏🏿🙏🏿🙏🏿
กราบสาธุค่ะ
กราบสาธุสาธุสาธุครับ
สาธุเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
นมัสการพระคุณเจ้า คำว่า สันตติ สันตติพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าเป็นรูปหรือเป็นนามขอรับ ถ้าเป็นรูปจัดเป็นรูปประเภทไหน ถ้าเป็นนาม เป็นนามอะไร ขอรายละเอียดเพิ่มด้วยขอรับ สาธุ
@ADATRUE
Жыл бұрын
สันตะติ เป็นกริยาของการสืบต่อ ของรูปกับนาม
กราบนมัสการหลวงปู่ครับ ท่านคือผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานโดยแท้ครับ
นานานารึผู้ติดตามสาธุ
ขอกราบนมัสการ กราบขอบพระคุณ กราบอนุโมทนาสาธุ ด้วยนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
สาทุสาทุสาทุ
"กราบมนัสการ หลวงปู่ " ครับ
เอกายโดยอยังภิขเวมรรคโคกราบพระอาจารย์.เดชผู้เป็นรัตนห้า.ผู้เปิดของที่ปิด.หงายของที่ควำ่.บอกทางแก่คนหลงทาง.จุดประทีแในที่มืดกราบสาธุ
กายที่ ๒ อริยาบถ เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่า เรายืน หายใจออก เมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่า เราเดิน หายใจเข้า เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่า เรานั่ง หายใจออก เมื่อนอน ก็รู้ชัดว่า เรานอน ทายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า ย่อมอยู่ หายใจออก อนึ่ง หายใจเข้า สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ หายใจเข้า ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก
ສາທຸ
สาธุ เจ้าค่ะ
คุณวิเศษของอนุตตรธรรมบำเพ็ญจริงนำพาไปสู่การหลุดพ้นได้จริงสิ่งที่สำคัญต่อสายไตรรัตน์นำพาให้เข้าใจถึงความกระจ่างรู้แจ้งในจิตพุทธะที่ดังเดิมค่ะ
กราบสาธุบูชาธรรมอันประเสริฐแรงบุญแรงอธิษฐานขอบารมีพ้นทุกข์เทอญ
กราบ นมัสการผมขอเป็นศิษย์ พระอาจาร์ย ด้วย คับ
สาธุในธรรม..ครับ 💐 🙏🙏🙏
พระอาจารย์คือผู้ชี้ ขุมทรัพย์ ทางปัญญา อริยทรัพย์ภายใน นิพานปัจจโย โหนตุค่ะ
กราบนมัสการค่ะ
กราบบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครับ
สาธุฟังเข้าใจง่ายดี
กราบพระอาจารย์เจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ🙏🙏🙏
กราบสาธุๆๆๆ
กราบ..สาธุ
กราบสาธุสาธุสาธุ...
กราบพระรัตนตรัย3จบครับ
@user-pr6yg2xr2h
5 жыл бұрын
😂😂😂😂😂ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ
กายที่ ๓ พิจารณาสัมปชัญญะ... กายที่ ๔ พิจารณาปฏิกูล... กายที่ ๕ พิจารณาธาตุ... กายที่ ๖ (พิจารณานวสีวถิกา)พิจารณาเห็นสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า ตายมาแล้ว ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน ... กายที่ ๗ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า ที่ฝูงสัตว์ต่างๆกัดกินอยู่บ้าง ... กายที่ ๘ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก ยังมีเลือดและเนื้อ ยังมีเส้นเอ็นผูกรัดอยู่ ... กายที่ ๙ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก ยังเปื้อนเลือดแลต่ปราศจากเนื้อแล้ว ยังมีเส้นเอ็นผูกรัดอยู่... กายที่ ๑๐ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก แต่ปราศจากเลือดและเนื้อแล้ว ยังมีเส้นเอ็นผูกรัดอยู่... กายที่ ๑๑ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นร่างกระดูก ปราศจากเส้นเอ็นผูกรัดแล้ว กระเรี่ยรายไปในทิศน้อยทิศใหญ่... กายที่ ๑๒ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นกระดูกสีขาว เปรียบด้วยสีสังข์... กายที่ ๑๓ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นกระดูก กองเรี่ยราย เก่าเกินปีหนึ่งไปแล้ว... กายที่ ๑๓ พิจารณาสรีระ ที่เขาทิ้งในป่าช้า เป็นกระดูกผุละเอียดแล้ว...เธอย่อมน้อมเข้ามาสู่กายนี้แหละว่า ถึงกายอันนี้เล่า ก็มีอยู่อย่างนี้เป็นธรรมดา คงเป็นอย่างนี้ ไม่ล่วงความเป็นอย่างนี้ไปได้ ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า ย่อมอยู่ หายใจออก อนึ่ง หายใจเข้า สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ หายใจเข้า ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก พิจารณากายที่เป็นบัญญัติ......กาย พิจารณากายเป็นปรมัต...........ในกาย จนเห็นกายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน (อนิจจัว ทุกขัง อนัตตา) สาธุ สาธุ สาธุ ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ทุกๆท่าน พระสูตรนี้ มีท่านพระอาจารย์สุรศักดิ์ สอนได้ดีที่สุด ครับ 23/04/63 ...21.09-23.03 ...ROCK CITYHUNTER...
ชัดเจนมากค่ะ สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
แจ่มแจ้ง แตกฉาน☺☺☺☺☺
สาธุ
สภาพที่เปลี่ยนไปก็เพราะต้องเปลี่ยน ไม่เปลี่ยน็ไม่ได้เพราะถูกผลักดันจากการที่ทนต่อความบีบคั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว เช่นการกระพริบตา หนังตาเราทนอยู่เฉยต่อไปไม่ได้แล้วจากการทนต่อการบีบคั้นมาจากการกระพริบครั้งก่อน ในที่สุดสายป่านก็ขาด มันจึงจำเป็นต้องกระพริบอีกครั้งหนึ่ง คือเปลี่ยนสภาพจากไม่กระพริบเป็นกระพริบ ท่านจึงพูดถูกแล้วนี่
@user-pr6yg2xr2h
5 жыл бұрын
กราบบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครับ
เกิดขึ้นมาตั้งอยู่ดับไปสาธุเจ้าค่ะ
อ่านหนังสือ มรรคมีองค์ 8 หลวงปู่เดช ที่ลิ้งค์นี้ dejbhikkhu.blogspot.com/2023/09/8_30.html
เรียนถามท่านผู้รู้ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คำว่าทุกขัง ในที่นี้ กับทุกข์ในอริยสัจสี่ ความหมายเดียวกันไหม หรือคนละความหมาย......ครับ ใครรู้แจ้ง......ช่วยชี้แจงทีครับ....ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
@ADATRUE
5 жыл бұрын
ภาวะธรรม ไม่พูดถึงคน มีแต่สิ่งเกิด -แปร - แล้วดับ จะเห็นอนิจจัง เห็นตอนเกิด จะเห็นทุกขัง เห็นหลังจากการเกิดแล้ว คือกำลังแปรไป จะเห็นอนัตตา เห็นตอนจบ หรือ เห็นรวมเป็นอันเดียวกันก็ได้(การพิจารณาโดย เอาตัวคนเป็นบรรทัดฐาน จะไม่เข้าใจ) ทุกข์ในอริยะสัจ เหมือนไม้ต้นนึง ทุกข์ กาย ทุกข์ใจ เหมือนใบ เหมือนดอก เหมือนเปลือก กระพี้ เป็นต้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีอยู่ในสิ่งไม่มีชีวิตด้วย แต่อริยะสัจจ์ สี่ หมายเอา สิ่งที่เกิดปรากฎในใจ ใจเท่านั้นที่รับรู้ัได้ แล้วจะรับรู้ได้ก็เกิดที่ใจนั้น เท่านั้น ถ้าเข้าใจ มันคืออันเดียวกันทั้ง หมด แต่การแยกบรรยายก็ทำให้คนเกิดธรรมจักขุได้
@user-gc5sm3sp2o
5 жыл бұрын
@@ADATRUE ตามความเข้าใจ กระผมรู้สึกว่า ถ้าเราตัดตัวเราออกไป แล้วใครจะเป็นผู้มาสังเกตุ สภาวะที่เป็นกฏไตรลักษณ์ ตรงนั้นครับ เพราะสรรพสิ่งทั้งหลาย จะชื่อว่ามีอยู่ ปรากฏอยู่ ก็เพราะว่าต้องมีผู้ สังเกตุเข้าไปรับรู้มิใช่หรือครับ... และถ้าสมมุติว่าเราแยกตัวตน ออกจากกฏไตรลักษณ์อย่างสิ้นเชิง ผมก็ยังงง อยู่อีกว่า เราจะเข้าใจ เข้าถึง จนแจ่มแจ้ง ต่อกฏไตรลักษณ์ จนเข้าสู่สภาวะหลุดพ้นได้ยังงัย... ถ้าผมเข้าใจดังนี้จะถูกไหมครับว่า ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นที่ดับไป....ด้วยอาศัยพุทธพจน์ข้อนี้ จึงเข้าใจว่า ทุกข์ทั้งมวลพระองค์ทรงตรัสในทุกที่ในพระไตรปิฎกหมายถึงทุกข์ที่เสียดแทงใจมนุษย์เรา อันมีมูลเหตุจากสมุทัยคืออุปปาทาน ความหลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ตรงนี้ และเพื่อที่จะแก้ใข ทุกข์ตรงนั้นเป็นปฐมเหตุ พระพุทธองค์จึงได้บัญญัติศาสนาขึ้นมาเพื่อเยียวยาปลดเปลื้อง สรรพทุกข์นานาในใจ มวลมนุษย์ กระผมเข้าใจดังนี้ ผิดถูกประการใด ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ....
@ADATRUE
5 жыл бұрын
ตัวสังเกตุนั่น คืออนิจจัง เห็นตัวนั้น จึงเห็นอนิจจัง
@PPP-pq2ow
5 жыл бұрын
การอุปมาอุปมัยประกอบสิ่งใดๆไม่ว่าคนสัตว์สิ่งของ ล้วนเป็นอนิจจังทั้งสิ้น คนเรียนพระอภิธรรมมาก่อนจะมีภาคทฤษฎีมาก่อน ทฤษฎีนั้นเป็นสัญญาอารมณ์ที่ขัดขวางปัญญาที่เป็นปัจจัตตัง(รู้ได้เฉพาะตน)หลวงปู่มั่นท่านให้วางหนังสือ ตำหรับตำราไว้ก่อน เพราะเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญเพียร.
@ADATRUE
3 жыл бұрын
@@user-gc5sm3sp2o หา "ญาณ" ให้พบ แล้วจะรู้ว่า อะไรคือ อนิจจัง อะไร คือผู้เห็นอนิจจัง
หลวงปู่ อยู่วัดอะไร จังหวัดไหนครับ
@testsrs3335
4 жыл бұрын
อยากรู้เหมือนกันครับ..หาในกูเกิ้ลก็ไม่มี
นมัสการพระคุณเจ้า จริงหรือ คำว่าอนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา แปลว่า เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แล้ว อุปาทะ ฐีติ พังคะล่ะหมายความว่าอย่างไร
@ADATRUE
Жыл бұрын
จากเกิด ถึง ตายไป จะแปลยังไงก็ได้ นั่นแหละ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
@ADATRUE
Жыл бұрын
1 คำ บัณฑิต แปลได้เป็น 100 ความหมาย คนรู้น้อย เขาว่าแปลไม่ถูก
@ADATRUE
Жыл бұрын
อุปาท แปลว่า ให้เกิดขึ้น ฐิติ แปลว่า ความตั้งอยู่ ภงฺค แปลว่า แตกทำลาย
ภาพกิ้งก่า 🦎dejbhikkhu.blogspot.com/2023/09/100-thai-chameleon.html
ทุกขัง สภาพที่เปลี่ยนไปแปลไปได้ไง สอนธรรมผิดเป็นการปรามาสธรรมบาปหนัก
@ADATRUE
5 жыл бұрын
ในตัวหมูอ้วน ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน นั้น มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเปล่า มีหัวเราะ มีร้องให้รึเปล่า ถ้ามีร้องไห้ สิ่งสิ่งนั้นเรียกว่าทุกขังรึเปล่า
@ADATRUE
5 жыл бұрын
ความหมายที่ว่าแปรไป คือมันไม่ตั้งอยู่เหมือนเดิม คือมันแปรไป ในระหว่างเกิดขึ้น . . . .ไปถึงดับไป นั่นคือทุกขัง คือแปรไป ไม่ยกเว้นอะไร ในขณะหมูอ้วนเยี่ยว น้ำเยี่ยว ออกไป ไหลอยู่นั้น จนหมด ช่วงนั้นก็แปรไป ในขณะเดียวกันจิตใจหมูอ้วนขณะนั้น อาจสบายอยู่ นั่นก็คือทุกขัง คือแปรไปอยู่ ลมหายใจสูดเข้า ออก ก็ทุกขัง คือแปรไปอยู่ ทุกอย่าง แปรไป และทุกอย่าง ไม่ใช่หมูอ้วน แต่เป็นสังขารที่แปรไป คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะพ้นทกข์ ก็คือพ้นจากสิ่งปรุงแต่งนั้น (สังขาร) สังขารมีลักษณะ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
@ADATRUE
5 жыл бұрын
ในขณะที่ร้องไห้นั้น ถ้าหมูอ้วนเข้าใจว่าเป็นทุกขัง มันก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป นั่นเป็นธรรมดา นั่นเป็นเป็นสามัญลักษณะของ สังขาร
@ADATRUE
5 жыл бұрын
อยากให้หมูอ้วยทำความเข้าใจ สมกับ เป็น คนกันเอง
@ADATRUE
5 жыл бұрын
คำว่า "ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้น ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ" ในพระไตรปิฎก ถามว่า จะเอาทุกขัง ในความหมายของหมูอ้วนเข้าใจ ไปไว้ที่ไหน นอกจาก ความแปรไป
สาธุ
สาธุ
สาธุ
@vivovivov179
3 жыл бұрын
น้อมกราบอนุโมธนาสาธุโอวาทธรรมเจ้าตะหลวงปู่,,🙏🙏🙏