อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้คิดค้นทฤษฎีฟิสิกส์เปลี่ยนโลก ‘แรงโน้มถ่วงไม่มีจริง’ | 8 Minute History EP.86
นอกจากผู้ให้กำเนิดทฤษฎีอันเป็นพื้นฐานของระเบิดปรมาณูแล้ว หนึ่งในบุคคลสำคัญของโลก ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ ยังเป็นผู้ที่รักสันติภาพ เป็นผู้เขียนบทความวิชาการอย่าง ‘Annus Mirabilis Papers’ ที่กลายมาเป็นทฤษฎีฟิสิกส์สมัยใหม่ และผู้สร้างองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกนำไปพัฒนาด้านการสงคราม
เอพิโสดนี้จะพาไปดูการพิสูจน์ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ซึ่งเป็นผลให้การหักล้างทฤษฎีความโน้มถ่วงของ ‘เซอร์ ไอแซก นิวตัน’ ที่เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล
Time Index
00:00 Introduce
02:14 Albert Einstein
04:13 Annus Mirabilis Papers
07:07 ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง
10:26 องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ในการสงคราม
12:33 การทดสอบสมมติฐานของไอน์สไตน์
---------------
ติดตาม 8 Minute History ในช่องทางต่างๆ
Apple Podcasts: apple.co/3cfxNjL
Spotify: spoti.fi/3ejXUsM
Website: thestandard.co/podcast_channe...
SoundCloud: bit.ly/8minutes-history
#ประวัติศาสตร์ #ไอน์สไตน์ #8MinuteHistory #TheStandardPodcast
Пікірлер: 1 000
Time Index 00:00 Introduce 02:14 Albert Einstein 04:13 Annus Mirabilis Papers 07:07 ทฤษฎีแรงโน้มถ่วง 10:26 องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ในการสงคราม 12:33 การทดสอบสมมติฐานของไอน์สไตน์ สามารถรับชมตอนที่ 2 ต่อได้ที่ kzread.info/dash/bejne/mYqbs9mgZ8W2d6g.html
@user-hq5er7ie4f
2 жыл бұрын
งงง
@wilaipranchaipat6610
2 жыл бұрын
คุณครูผมบอกว่าความเร็วแสงคือ 30ล้าน กิโล ต่อวิอะครับ😅
@user-wx4op9yg8i
2 жыл бұрын
คำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำคำ
@bbb4654
2 жыл бұрын
หลานไอน์สไตน์ ยังต้องเป็นครูสอนแมงสาปเลย
@zerodawn4820
2 жыл бұрын
ววววววววววว
ตอนนั้นไอสไตน์ได้พบกับ ชาลี แชปลิน ที่อเมริกา ไอสไตน์จึงชื่นชมชาลีว่า "คุณน่าทึ่งมาก คุณไม่ต้องพูดสักคำแต่สามารถทำให้คนทั้งโลกหัวเราะได้" ชาลีจึงกล่าวกลับไปว่า "คุณน่าทึ่งกว่าอีกนะ สิ่งที่คุณคิดขึ้น บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรแต่ กลับชื่นชมคุณทั้งโลก"
@asaneewasan4503
2 жыл бұрын
^^
@user-oe2dm4st1l
2 жыл бұрын
อันนี้ได้..!!!
@World-hotnews
2 жыл бұрын
555 พี่ชาลีผม แก๋วจริงๆ
@pmcd379
2 жыл бұрын
อันนี้เรื่องจิงนะเนี่ย5555 ผมเคยดูสารคดี
@bbb4654
2 жыл бұрын
@@World-hotnews แมงสาปบ้านผมเก่งกว่า ได้เป็นลูกศิษย์หลานไอน์สไตน์
ขออนุญาตเพิ่มเติมครับ คือการพิสูจน์ด้วยสุริยุปราคาในครั้งนั้นไม่ได้จะดูแสงอาทิตย์โค้งตามดวงจันทร์นะครับ แต่ต้องการจะดูดาวที่อยู่ข้างหลังดวงอาทิตย์ ถ้าทฤษฎีความโค้งของกาลอวกาศของไอน์สไตน์ถูกต้อง แสงจะเลี้ยวเบนตามได้ เราก็จะเห็นแสงดาวข้างหลังนั่นทั้งๆที่โดนดวงอาทิตย์บังอยู่ครับ …แล้วก็ตามนั้นครับ ถูกตามที่เฮียแกทำนาย
@joy0126
2 жыл бұрын
มีภาพปลากรอบไหมคับไม่อันเดอสแตนคับ.
@liangaugust5448
2 жыл бұрын
ใช่ครับฟังแล้วเพี้ยนๆ ที่จริงต้องตามที่คุณdomeo บอกครับ เค้าเทียบดวงดาวที่มองเห็นรอบดวงอาทิตย์เวลาปกติกับการบิดเบี้ยวของแสงทีเฉียดรอบดวงอาทิตย์มายังตาเราเพราะมีแรงโน้มถ่วง ทีนี้ปกติจะถ่ายไม่ได้เพราะแสงอาทิตน์จ้าเกินไป ต้องรอให้ดวงจันทร์ยังไงครับ แรงโน้มถ่วงยังมีจริงครับ แต่แนวโน้มถ่วงทำให้อวกาศบิดเบี้ยว คลิปเพี้ยนมากๆ
@domezazaza
2 жыл бұрын
ขออภัยครับในยูทูปมันแนบภาพปลากรอบไม่ได้ (ทั้งๆที่ผมอยากแนบใจจะขาด 555) ลองเสิร์ชว่า “ไอน์สไตน์ สุริยุปราคา” ไม่ก็ “einstein solar eclipse” ดูนะคนับๆ
@kopterbenz5771
2 жыл бұрын
ที่ผมเคยอ่านมาก็ตามที่คุณ domeo- บอกเลยครับ หลักการคืออยากรู้ว่า Massive Mass สามารถทำให้แสงโค้งได้ไหม และสิ่งที่ Massive ที่สุดในระบบสุริยะคือดวงอาทิตย์ แต่เวลาปกติแสงจ้ามากจนไม่เห็นดาวที่อยู่ด้านหลัง จึงต้องรอเกิดสุริยุปราคาให้เห็นดาวที่อยู่ข้างหลังก่อน จากนั้นวัดว่าดาวที่อยู่ข้างหลังดวงอาทิตย์นั้นตำแหน่งเบี้ยวไปจากเวลาปกติหรือไม่หรือไม่ ถ้าเบี้ยวแปลว่าถูกมวลของดวงอาทิตย์บิดให้แสงโค้งไปครับ
@Sittivaekin
2 жыл бұрын
ขอบคุณมากเลยครับ เป็นประโยชน์มากครับ คลิปนี้ เป็น คลิป ประวัติศาสตร์ การได้ ผู้รู้ที่แม่นยำทาง ฟิสิกส์ ช่วยทำให้เติมเต็มได้เยอะเลยครับ
ชื่นชมการทำคลิปคุณภาพ มีคุณค่าให้ความรู้ดีเยี่ยมกับผู้ชมครับ
ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเจ้าของไอน์สไตน์ และขอพระเจ้าของไอสไตน์คุ้มครองครอบครัวไหวสว่างด้วย และขอให้ครอบครัวของ ไอสไตน์ ฉลาดรอบด้าน และประสบความสำเร็จในทรัพย์สิน แล้ว ทางด้านการงาน และการเงิน และขอบคุณพระราชาพระราชินีรอบโลก เลิกขอบคุณศาสนารอบโลก เลิกขอบคุณลัทธิรอบโลก และขอบคุณชนเผ่า รอบโลก และขอบคุณผู้นับถือบรรพบุรุษ รอบโลก และขอบคุณพระเจ้าและพระเยซูคริสต์
@user-ru6nc5rz6o
6 ай бұрын
ไอน์สไตน์ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้านะครับ
ตอนที่ไอน์สไตน์จากโลกใบนี้ ไปสมองของไอน์สไตน์ ยังเหมือนเดิมเหมือนกับสมองคนหนุ่มๆที่ยังแน่นอยู่ และ วิระกรรมของลุงแกมีอีกเยอะเลย 🙏🙏
ชอบแอดออกเสียงภาษาเยอรมันมากครับ อยากพูดเป็นบ้างจริงๆ
ตามความเข้าใจของผม (ในทางเทคนิค) ไอน์สไตน์ไม่ได้บอกว่าไม่มีแรงโน้มถ่วง และตกของสิ่งของก็ไม่ได้เกิดจาก 'ผิวโลกโค้ง' แต่มันเกิดจากกาลอวกาศโค้ง กฎความโน้มถ่วงของนิวตัน(โดยทั่วไปแล้ว)ใช้งานได้ตามปกติ แต่ปัญหาที่คาใจนิวตันคือทำไมแรงโน้มถ่วงของวัตถุหนึ่งถึงกระทำต่ออีกวัตถุหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปได้โดยไม่ต้องสัมผัส นักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังนิวตันเอาปัญหาข้อนี้ซุก ๆ ไว้ แล้วใช้กฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันอย่างสบายใจ กรอบความคิดในกลศาสตร์แบบนิวตันอย่างหนึ่งคือมุมมองที่ว่ามี space และ time อยู่เหนือวัตถุที่อาศัยอยู่ในนั้น space และ time เป็นฉากหลังที่เป็นเอกเทศต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวมัน อีกทั้ง space และ time แผ่ตัวอย่างเป็นอนันต์ ราบเรียบ และเหมือนกันในทุกที่ ทุกทิศทาง มุมมองของไอน์สไตน์ที่พลิกวงการคือการมองว่า space กับ time รวมเป็นหนึ่งคือกาลอวกาศ 4 มิติ และมองว่าตัวกาลอวกาศไม่ได้เป็นแค่ฉากหลัง แต่มีบทบาทต่อวัตถุที่อาศัยอยู่ข้างใน ในขณะเดียวกัน(มวลของ)วัตถุที่ดำรงอยู่ภายในกาลอวกาศก็ส่งผลกระทบกลับไปที่ตัวกาลอวกาศด้วย กล่าวคือมวลของวัตถุทำให้กาลอวกาศโค้งงอ ไอน์สไตน์บอกว่า ความโค้งงอนี้เองคือแรงโน้มถ่วง (curvature=gravity) ดังนั้นในสมการสัมพัทธภาพทั่วไป ตัวแปรที่แสดงถึงความโค้งของกาลอวกาศจึงเข้าแทนที่ตัวแปรที่แสดงถึงแรงโน้มถ่วง มันเลยอาจฟังดูเหมือนว่าแรงโน้มถ่วงไม่มีอยู่ ในมุมมองนี้ gravity อาจไม่ใช่แรงหรือ force อีกต่อไป ดังนั้นประเด็นนี้เลยอาจเป็นประเด็นถกเถียงในเชิงภาษาไทยที่แปลคำว่า gravity ว่า "แรง" โน้มถ่วง 55 (เข้าใจว่าหลัง ๆ จะพยายามปรับมาใช้คำว่า "ความโน้มถ่วง" แทนแล้ว) ในประเด็นเรื่องการทดลองพิสูจน์ต่าง ๆ นั้นที่จะดูการเดินทางของแสงช่วงเกิดสุริยุปราคา สิ่งหนึ่งที่ให้นึกไว้ในใจก่อนคือแสงเดินทางเป็น "เส้นตรง" เสมอถ้าไม่ไปชนอะไรเข้า แสงมันไม่ได้มีมวล ดังนั้นแสงมันไม่ควรได้ผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงในมุมมองแบบนิวตัน แต่การทดลองบ่งชี้ว่าแสงจากดาวดวงอื่นที่วิ่งเฉียดผ่านดวงอาทิตย์ (สามารถวัดได้ตอนที่เกิดสุริยปราคา เพราะแสงจากดวงอาทิตย์เองถูกบดบัง) มันเลี้ยวมาอย่างกับว่ามันโดนดวงอาทิตย์ดูด ในมุมมองของไอน์สไตน์ แสงไม่ได้โดนดูด และแสงก็ไม่ได้เลี้ยวด้วย แต่แสงเดินทางเป็นเส้นตรงในกาลอวกาศที่โค้ง เส้นตรงในความหมายนี้หมายถึงเส้นที่สั้นที่สุดบนอวกาศที่โค้ง ลองนึกภาพว่าเวลาเราลากเส้นที่สั้นที่สุดจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งบนผิวลูกบอล มันย่อมออกมาเป็นส่วนโค้ง ความสำคัญของงานชิ้นนี้ของไอน์สไตน์คือมันทำให้เราต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอวกาศเสียใหม่ (เหมือน ๆ กับที่กฎของนิวตันยกเครื่องความคิดเกี่ยวกับจักรวาลในสมัยนั้น) นอกจากนี้ไอน์สไตน์ก็ได้ตอบปัญหาคาใจนิวตันในประเด็นที่ว่าแรงโน้มถ่วงกระทำโดยไม่ต้องสัมผัสได้อย่างไร ในความเป็นจริงแล้วมีนักคณิตศาสตร์ที่ศึกษาหัวข้อเรขาคณิตหลายมิติของ space ที่โค้งงอมาก่อนหน้าไอน์สไตน์นานแล้ว โดยเฉพาะในแวดวงคณิตศาสตร์เยอรมัน ผู้ริเริ่มคือรีมันน์ ลูกศิษย์ของเกาส์ ที่สำคัญรีมันน์เองยังเปรยถึงแนวคิดที่ว่าเราอาจสามารถตรวจสอบความโค้งของอวกาศที่เราอาศัยอยู่ได้หรือไม่ ถึงกระนั้นนักคณิตศาสตร์ก็ศึกษาเรื่องพวกนี้ในเชิงนามธรรมล้วน ๆ จนมาถึงไอน์สไตน์ที่หยิบเอาเรื่องนี้มาสู่โลกรูปธรรม
@Hope024lnwza
Жыл бұрын
ชอบมากครับ
@nawinkulpha4447
Жыл бұрын
🙏🏻 ขอบคุณมากครับ
พากย์ได้น่าฟังมากๆครับ ฟังได้เพลินมาก
กฎของนิวตัน ยังใช้คำนวณได้เพราะบนโลก กฎของไอสไตล์ใช้ได้กับจักรวาลครับ
@trading_75
2 жыл бұрын
ถูกต้องที่สุด
@user-fy6bb7wh5p
2 жыл бұрын
ใช่มีส่วนใช่
@nasak007-5
2 жыл бұрын
ใช่ครับ มันเป็นการต่อยอดไปเรื่อยๆครับ ถ้าไอสไตล์จุติเกิดในยุคนี้ ผมว่าอีกสัก30ปีข้างหน้า โลกจะเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่มีมาก่อน เช่นมนุษย์จะเดินทางข้ามโลกโดยไม่ใช้เครื่องบินและเดินทางในเสี้ยววินาที ซึ้งปกติต้องใช้เวลานับ1000ปีถึงจะสำเร็จ
@Vanhelsing543
2 жыл бұрын
กฎของนิวตันบางข้อก็ใช้ได้ในระบบสุริยจักรวาลนะครับ นั่นก็คือแรงพิสัยไกล Long-Range Force F=Gm1m2/R^2 โดยที่ G คือ Universal Gravitational Constant เป็นค่านิจสากลโน้มถ่วง นั่นก็หมายความว่า เราสามารถหาแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวได้ครับ (คำว่า universal คือเป็นค่าที่ใช้ได้ครอบคลุม)
@siriwan2529
2 жыл бұрын
@@Vanhelsing543 เกินไปปปปปปปปป
อยากให้ทำประวัติคนดังแบบนี้อีกเยอะไ เลยค่ะ สนุกมากๆค่ะ ชอบมากๆค่ะ
ขอบคุณมาก ชอบมาก สนุกมากๆๆครับ
จากที่ฟังคลิป ไม่ได้อธิบายในทางฟิสิกส์ให้ชัดเจน และกระจ่าง แต่ก็ชอบการเล่าเรื่องถ้ามองในมุมประวัติศาสตร์ของช่วงชีวิตนะคะ แต่ถ้าใครอยากเข้าใจในคำว่า ทฤษฎี ของไอน์สไตน์ที่คลิปได้พูดถึงนี้แนะนำไปค้นหา เสริชคำว่า ไอน์สไตน์กับสุริยปราคาค่ะ
@johnlee8863
2 жыл бұрын
ครับ
@user-hu1bh5um1i
2 жыл бұрын
@@johnlee8863 .
@TheMobile-ti3en
Жыл бұрын
น่าสนใจค่ะ
@user-pn1wi3hg7m
Жыл бұрын
อย่าไปดูในยูทูป เพ้อเจ้อ ปั่น โฆษณาเกินจริงเอายอดวิว เรัยกว่าเว่อร์ไว้ก่อน อย่างสมการeอะไรนี่ ก็สมการพื้นๆ กำหนดมาตรฐานวัดแรงกระทำเท่านั้น ไม่ได้ใช้คำนวนอะไรเลย ไม่ได้ใช้คำนวนนิวเคลียร์ เลเซอร์ ท่องดวงดาว ขี้โม้ทั้งนั้น
@sunnip9060
Жыл бұрын
@@user-pn1wi3hg7m แหล่งข้อมูลชั้น1 จากต่างประเทศก็มีเยอะแยะครับ เปิดหูเปิดตากว้างๆเข้าไว้นะครับ คิดหลายๆมุมดู เผื่อจะเจอความคิดใหม่ๆ อย่าปักไว้แค่ความติดของตัวเองครับ
คลิ๊ปนี้ มีแทรกคำพูดภาษาอะไรไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องทำให้ดูน่าเชื่อถือดี แต่ อธิบายความเข้าใจเกี่ยวกับฟิสิกส์ไม่ค่อยถูกนะครับ เช่น บอกว่าเพราะโลกเป็นทรงโค้งจึงทำให้เกิดการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทน์ คือจริงๆต่อให้โลกแบนเป็นระนาบ หรือเป็นสี่เหลี่ยม วัตถุในโลกก็เคลื่อนที่แบบโปรเจคไทน์อยู่ดี จริงๆเป็นเพราะโลกมีมวล เลยมีแรงดึงให้เคลื่อนที่โค้ง หรือถ้ามองแบบไอสไตน์ก็คือ โลกมีมวลจึงทำให้กาลอวกาสโค้ง ครับ... ... การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทน์ หรือ วงกลม ก็เกิดขึ้นได้ โดยไม่มีผิวโค้ง เช่น อนุภาคมีประจุเคลื่อนที่ในสนามไฟฟ้า หรือในสนามแม่เหล็ก ครับ ...เรื่องส่องกล้องดูสุริยุปราคา เค้าจะดูดาวที่ตำแหน่งควรอยู่ด้านหลังดวงอาทิตย์ว่าจะมองเห็นได้ไหมถ้าเห็นได้แสดงว่าแสงเคลื่อนที่โค้งได้ ...แสงไม่มีมวลแต่เคลื่องที่โค้งได้แสดงว่าแรงดึงดูดที่เกิดจากมวลดูดมวลตามความคิดของนิวตันไม่ถูกแต่เกิดจากกาลอวกาศโค้งเนื่องจากมีมวลอยู่ตามที่ไอสไตล์เข้าใจ ... แต่เรื่องประวัติศาสตร์คงถูกต้องมั้งครับพอดีผมไม่ค่อยรู้...
@utthorntothasik
2 жыл бұрын
เห็นด้วยครับ
@dum5855
Жыл бұрын
อันนี้อธิบายได้ถูกต้องเลยครับ
@nbtc3region355
Жыл бұрын
ภาษาเยอรมันครับ
@THE_David-Nattapong.K_n.
Жыл бұрын
ผมสามารถไข ปริศนา ได้ทั้งจักรวาลครับ....ถ้าโลกพร้อม..ผมก็พร้อมที่จะบอก...ทฤษฎีสัมพันธภาพ...เป็นทฤษฎีเด็กๆ...สำหรับผม...🌎😊
@01-kf9ng
Жыл бұрын
@@THE_David-Nattapong.K_n. ก่อนอื่นเขียนให้ถูกก่อนครับ มันอ่านว่าสัมพัท
การทดลองครั้งนี้ไอน์สไตน์ไม่ได้พูดว่าแรงโน้มถ่วงไม่มี แต่ไอน์สไตน์บอกว่าแสงไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงอย่างเดียวอย่างที่นิวตันเคยพิสูจน์ไว้ แต่สามารถเลี้ยวเบนได้หรือแสงสามารถเดินทางเป็นเส้นโค้งได้ครับ
@tarmac_rock7389
2 жыл бұрын
ใช่ครับ ไม่งั้น แกจะเขียน ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทำไม ถ้า ไม่มีแรงโน้มถ่วง
@Nol2MalOrlglNaL
2 жыл бұрын
ไอน์สไตน์สงสัยเรื่องการตกลงของลิฟมาก่อนครับ ว่าทำไมคนในลิฟจึงไร้แรงโน้มถ่วง ทำไมแค่ลิฟตกแรงโน้มถ่วงถึงไม่ทำงาน ความสงสัยนี้ต่อยอดไปถึงกาลอวกาศที่โค้งครับ นำมาซึ่งทฤษฎีสัมพัทธภาพ และ ยืนยันด้วยการเคลื่อนที่ของดาวพุธว่าแรงโน้มถ่วงไม่มีจริง แรงโน้มถ่วงเป็นเพียงแค่มวลที่กระทำกับการอวกาศ เป็นผลให้วัตถุต่างๆ เคลื่อนที่ไปตามกาลเวลา ดังนั้น เวลา ความเร็ว มวล จึงเป็นสิ่งที่สัมพัทธ์กัน
@user-vf2hw1dv8h
2 жыл бұрын
@@Nol2MalOrlglNaL ไอสไตล้ำลึกจริงๆครับ ขนาดในบัจจุบัญคนยังเชื่อในนิวตัน เพราะมันคือแนวคิดง่ายๆ คือแรงดึงดูด แต่แรงโน้มถ่วงของไอสไตนี้ คนธรรมดาคงคิดไม่ได้ นอกจากการจินตนาการ แล้วพิสูตรด้วยคณิตศาส คนแบบไอสไตนิเหละคือความรู้ใหม่
@rotarysuperstar5774
2 жыл бұрын
@@Nol2MalOrlglNaL หาข้อมูลแบบนี้เพิ่มเติมจากไหนได้ครับ
@dum5855
Жыл бұрын
คือ ไอสไตน์ไม่ได้มองว่าการที่วัตถุสองชิ้นหรือมวลสองอันเคลื่อนที่เข้าหากันเกิดจากแรงโน้มถ่วงระหว่างกัน แต่มันเป็นเพราะมวลของวัตถุที่ทำให้กาลอวกาศรอบๆ บิดเบี้ยว มวลทั้งสองจึงเคลื่อนที่เข้าหากัน
อยากให้เล่าเรื่อง มารี กูว์รี ผู้ค้นพบ เรเดียมและพลูโทเนียมครับ
ขนาดผู้ ชาญฉลาด อัจฉริยะ ที่สุดในโลก ยัง ยอมรับว่า พุทธศาสนา เป็น ศาสนา ที่ ดีที่สุด ในโลกแห่งความเป็นจริง เปิดใจยอมรับอย่างจริงใจ 🙏🙏🙏
@user-ey7db2gn1e
2 жыл бұрын
ไม่เคยครับ ไอสไตน์ไม่เคยพูด
@user-tp6go3do5z
2 жыл бұрын
@@user-ey7db2gn1e ผมเห็นเวลาพูดเกี่ยวกับไอสไตน์ทีไร ชอบมีคนเอามาพูดว่า ไอสไตน์บอกว่าศาสนาพุทธดีที่สุดในโลก ทั้งที่ไอสไตน์ไม่เคยพูดเลย หลักฐานอ้างอิงก็ไม่มีพูดเองเออเองตลอดนี่แหละคนไทย
@user-ey7db2gn1e
2 жыл бұрын
@@user-tp6go3do5z มีไอ้บ้าตัวนึงเสือกเอาไปเติมในคำพูดเขา แถมเป็นคำพูดสำคัญด้วยและทีนี้เผยแพร่ออกไป ทำให้คนเข้าใจผิดโดยเฉพาะคนไทย ไอสไตน์ไม่เคยพูดเลยจริงๆ อยากมากก็แค่บอกว่า มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้จักรวาลเกิดขึ้นมา
@NormalVillager
2 жыл бұрын
พุทธโธเลี่ยน ผู้เคลมวิทยาศาสตร์เกือบทุกแขนงว่าเป็นไปตามพระพุทธเจ้า
@horus442
2 жыл бұрын
@@user-ey7db2gn1e แค่มันใกล้เคียงง
ไม่ไช่เพราะผิวทรงกลมทรงโค้ง แต่คือมวลของวัตถุทำให้ กาลอวกาศโค้ง ยิ่งมีมวลมากยิ่งทำให้กาลอวกาศยิ่งโค้งมาก เช่น ดวงอาทิตย์ ลูกปิงปองทรงกลมเหมือนกัน แต่มวลน้อยจึงดึงกาลอวกาศน้อยมากๆ...
@domeneosecret
2 жыл бұрын
ใช่ครับ ถูกต้องตามนี้
@infinitylogic1164
2 жыл бұрын
และการจะบิดเบือนกาลอวกาศจำเป็นต้องใช้พลังงานที่สร้างพื้นที่บิดเบือนกาลอวกาศได้มาก หรือก็คงเป็นการสร้างวงจรของดาวๆหนึ่ง ซึ่ง ถ้าเราสร้างการบิดเบือนได้สำเสร็จ เราก็สามารถสร้าง UFO ที่เป็นของมนุษย์ได้
@infinitylogic1164
2 жыл бұрын
...อยากรู้จริงๆเมื่อไหร่โลกจะหมดยุคทุนนิยม มันทำให้มีการแข่งขันก็จริง แต่ถ้าไม่มีคู่แข่ง ก็แทบไม่ขยับไปไหนเลย...
@PrincessOmegzz
2 жыл бұрын
อันนี้ถูกต้องเลยครับผม
@airobot913
2 жыл бұрын
ถ้าไม่ได้มาอ่านเม้นจะทำให้เข้าใจผิดนึกว่าผิวทรงกลมทำให้เกิดแรงดึงดุด ขอบคุณครับ
ชอบคำพูดของไอสไตที่คุยกับชาลีแชรปปิ้น ที่งานประกาศรางวัล โรเบิร์ต พูดว่า ชาลีผมวส่าคุณสุดยอดเลยไม่ต้องพูดอะไรสักคำแต่ทุกคนเข้าใจสิ่งที่คุณจะบอก ชาลี พูดว่า ผมว่าคุณสุดยอดยิ่งกว่าไม่มีคนเข้าใจสูตรของคุณแต่ทุกคนเชื่อว่ามันเป็นไปได้จริง
@Whoami1988_
2 жыл бұрын
เหอๆๆ มั่วมากนะคุณ😒
@user-pg3kf6hq6u
2 жыл бұрын
*_นักคิดระดับโลก¡¡¡¡เวลาเขาพูดคุยกัน มันช่างเป็นคำพูดที่ลึกล้ำเเละลึกซึ้งจริงๆ_*
@user-pg3kf6hq6u
2 жыл бұрын
@@Whoami1988_ *_มั่วยังไงอ่ะเขาพิมพ์ ถูกเเล้ว_* *_คุณเเหล่ะ¡¡¡¡มั่ว¡¡¡¡_*
@sesona-man9895
Жыл бұрын
Seson ❤️❤️
@KingrpgNet
Жыл бұрын
ผมอยู่ในเหตุการณ์
ฟังเพลินๆ ความรู้แน่นๆ กับบางอย่างที่ลืมไป
ผมคิดว่าสื่อความหมายผิดนะครับ ตอนนั้นที่ทดลองกับสุริยุปราคากัน เพราะว่าต้องการส่องดูดวงดาวที่ถูกดวงอาทิตย์บดบังอยู่ เพราะจากการคำนวนมวลของดวงอาทิตย์แล้ว มีมวลมากพอที่จะบิดแสงจากดวงดาวให้โค้งและตกไปยังโลกได้ เมื่อแสงมาถึงโลกเราก็จะสามารถมองเห็นดวงดาวนั้นได้ไงครับ ถ้าอวกาศไม่โค้งเพราะดวงอาทิตย์เราก็จะมองไม่เห็นดวงดาวนั้นเพราะตัวดวงอาทิต์บังอยู่ และไม่ใช่เพราะว่ามันอยู่ข้างๆเราจึงมองเห็น แต่เป็นการคำนวณตำแหน่งดาวนั้นแล้วว่ามันจะโคจรมาข้างหลังดวงอาทิตย์จริงๆ และที่ต้องทำตอนเกิดสุริยุปราคาก็เพราะว่าแสงจากดวงอาทิตย์จะกลบแสงดาวนั้นจนมองไม่เห็น ไม่ใช่แสงอาทิตย์โค้งเพราะถูกหักเหโดยดวงจันทร์เพราะดวงจันทร์มีมวลไม่จากจนสังเกตด้วยเครื่องมือยุคนั้นไม่ได้
18:25 ถ้าจำไม่ผิดไม่ใช่ทุกทีมจะถ่ายภาพสำเร็จนะครับ ดังนั้นไม่น่าจะใช้คำว่า "ภาพของกล้องทั้ง7กล้อง" ได้นะครับ
คลิปนี้เล่าได้ดีมากๆครับ🥰 รู้สึกเสียดายตามเลย😭
ฟังเพลินยามเช้า
สิ่งที่ ตะลึงที่สุดคือ แต่ล่ะที่ แต่ละดวงดาว จะมีการบิดเบือนของเวลา ในจำเพาะของตัวมันเอง และการเดินทางข้ามเวลา นั้นมีจริง ทำให้ทั่วโลกสมัยนั้น ตะลึงเป็นอย่างมาก ในช่วงยุค 1900s
@m-m9185
2 жыл бұрын
สองสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถเอาชนะได้ คือ ความตายเเละเวลา อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นคือความว่างเปล่านั่นเองเเล้วเราจะเดินทางข้ามเวลาไปอนาคตได้ยังไง
@user-el7ys6tx1h
2 жыл бұрын
ถ้าจริงทำไมคนจากอนาคตไม่เดินทางกลับมาบ้างล่ะ
@SANGSANTi
2 жыл бұрын
@@user-el7ys6tx1h เงื่อนไขคือต้องมีคนไปอยู่ที่ดาวนั้นๆให้ได้ก่อนหน่ะสิ แล้วดาวแต่ละดวงที่จะทำให้คนเป็น "คนแห่งอนาคต" ตามทฤษฏีสัมพันธภาพนั่นไม่ได้อยู่ใกล้เราขนาดนั้น ซึ่งยังไม่มีใครสามารถไปตรงนั้นได้ เลยยังไม่มีใครกลับจากอนาคตได้ แต่ตามทฤษฎีนั้นเป็นไปได้
@user-el7ys6tx1h
2 жыл бұрын
@@SANGSANTi เห็นอดีตนะเป็นไปได้เช่นเห็นการระเบิดของดาวที่อยู่ไกลแต่พอแสงเพิ่งเดินทางมาถึงจึงเห็นได้แค่อดีตของมัน
@bunchawongjun2402
2 жыл бұрын
อดีตคือสิ่งที่ล่วงไปแล้ว อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น การเดินทางข้ามเวลาเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือการคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วในอดีตและการคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อะไรที่ไม่ได้ทำก็คือทำไม่ได้ เราจะบอกว่าสิ่งนั้นทำได้ก็ต่อเมื่อเราได้ทำมันแล้วเท่านั้น
ผมรู้สึกว่า คลิปนี้เนื้อทางด้านฟิสิกส์ ค่อนข้างแย่ ส่วนด้านประวัติศาสตร์เล่าได้ดีครับ
ขอบคุณ..สำหรับสาระดีดีครับ
ชอบฟังเรื่องวิทยาศาสตร์ครับ
อัจฉริยะที่ทฤษฎีของเขาใช้จนถึงปัจจุบัน..เหมือนคนหรือเด็กพิเศษที่เป็นอัจฉริยะด้านใดด้านหนึ่ง....สุดยอด
คลิปสรุปมั่วครับ แรงโน้มถ่วงยังมีอยู่ กฎนิวตันก้ไม่ได้ผิดในเรื่องนี้ ไอน์สไตน์ขยายแรงโน้มถ่วงให้ชัดเจนขึ้น
@kopterbenz5771
2 жыл бұрын
อธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับ
@govaleng.2411
2 жыл бұрын
@@kopterbenz5771 ขอฟังด้วยคนครับ
@PrincessOmegzz
2 жыл бұрын
กฎของไอน์สไตน์คือ วัตถุจะตกจากจุดที่เวลาเดินช้า สู่จุดที่เวลาเดินเร็วกว่าเสมอ จะไม่ได้พูดถึงแรงโน้มถ่วงเลย และยังสามารถใช้อธิบายวงโคจรของดาวบางชนิดได้ โดยที่ถ้าใช้ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของนิวตันไม่ได้เลย
@squallleonheart9860
2 жыл бұрын
คลิปมั่วจริงครับ ไม่เกี่ยวกับความโค้งเลย เกิดจากมวลขนาดใหญ่ บิดกาลอวกาศ
@Nol2MalOrlglNaL
2 жыл бұрын
แรงโน้มถ่วงของนิวตั้นผิดเต็มๆ ครับ เพราะถ้ากฎของนิวตั้นไม่ผิด ปรากฎการไร้แรงโน้มถ่วงที่ทำในเครื่องบินจะเกิดขึ้นไม่ได้ แต่การคำนวณในแบบนิวตั้นยังใช้ได้ในแบบความละเอียดต่ำ หรือ ใช้กับวัตถุมวลต่ำ
เล่าเรื่องสนุกมากค่ะ ❤
5:57 ผมชอบมหาลัยนี้มากครับ (Kaiser-Wilhelm-Gesellschaft zur Förderung der Wissenschaften)
ชอบความใส่ใจในภาษามากๆครับ เป็นกำลังใจ ทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ
ฟังมาหลายคลิป ชอบคนพากย์ออกเสียงDeutschมาก เหมือนเจ้าของภาษาเลยค่ะ sehr gut 👍🏻
@user-ye6es7iy5s
2 жыл бұрын
เห็นด้วย น่าฟังมาก เยี่ยม
@TheChat911
Жыл бұрын
ท่านคือ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ครับ
ขอบคุณพระเจ้า และขอบคุณพระเจ้าไอสไตน์ และขอบคุณพระเจ้า กีฬา เม็กซิกัน ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ มีความมั่นคง มีความเจริญในหน้าที่การงาน ประสบความสำเร็จในด้านความรัก และประสบความสำเร็จ ด้านความรักของครอบครัว และประสบความสำเร็จ ต่อความรักเพื่อนรอบโลก ขอบคุณพระเจ้า
ข้อมูลส่วนที่เป็นฟิสิกส์หลังๆค่อนข้างผิดเพี้ยนไปเยอะนะครับ มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของไอสไตน์คือเขาคิดว่ามีตัวแปรหนึ่งในสมการคำนวณเกี่ยวกับเอกภพวิทยา ซึ่งต่อมาเขาคิดว่ามันผิดและเป็นตราบาปของเขาจนเขาเสียชีวิต แต่ในปัจจุบันตัวแปรนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการศึกษาเอกภพวิทยา จะถือว่าเป็นความชาญฉลาดของเขาที่น่าสนใจมากๆเลยก็ว่าได้
@user-xl2rq2iu9v
2 жыл бұрын
ครับๆ ติดต่อรับรางวัลโนเบลที่ศรีธัญญาเลยครับ
@user-hy1bc3fv8m
2 жыл бұрын
@@user-xl2rq2iu9v ผมว่าคุณนั่นแหละเปิดกะลาบ้างนะ
ลงเช้าจังเลยคับ
ขนาดเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังมีคนเก็บรักษาสมองของเค้าไว้ สุดยอดจริงๆ
@user-me3md6cv4l
2 жыл бұрын
พวกขโมยไปกินอีกนะ สุดยอดจิงๆ555
@fregftv8030
2 жыл бұрын
@@user-me3md6cv4l สรุปสมองเค้ายังอยู่ไหม
@user-me3md6cv4l
2 жыл бұрын
ไม่แน่ใจครับว่ายังอยู่ไหม แต่ที่แน่ๆไอคนดูแลอ่ะมันขโมยสมองไปกินบางส่วน5555
@user-zt3dt9yf3w
9 ай бұрын
อยากกินเเอ๊ปอ่องออไอสไตล์ครับ
ผมเชื่อมาโดยตลอดว่าโลกไม่มีแรงดึงดูดเป็นของตัวเอง เพียงแต่โลกเป็น สื่อมาก คือความเป็น ฉนวน มีน้อย จึงรับเอาแรงผลัก หรือแรงเหวี่ยง ที่ส่งเข้ามาจากนอก จักรวาลแบบรอบตัว360องศา ซึ่งผมสามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แต่ไม่มีโอกาสชี้แจงได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ระบายนิดเดียวเท่านั้น
@utthorntothasik
2 жыл бұрын
คิดเหมือนกันครับ ไอนสไม่ได้ถูกทั้งหมด ถ้าหากเรานำวัตถุทรงกลมเช่นเหล็กขนาดเล็กมีมวลความหนาแน่นไกล้เคีบงกับโลก แล้วนำไปปล่อยในอวกาศจากนั้นนำวัตถุอีกอันไปอยู่ไกล้ๆมันคงดูดเข้าดหากัน แต่ผมว่ามันไม่ดูดเข้าหากันแน่ แต่ถ้าวัตถุอันใหญ่มันหมุนด้วยความเร็วสูง มันจะสามรถสร้างแรงดูดหรือจริงแล้วคือแรงผลักขึ้นมาได้ ซึ่งแรงคึงดูดคือการเคลื่อนที่เกิดขึ้นตามทรงกลม และทำให้มันเคลื่อนที่เป็นวงกลมรอบดวงอาทิตย์ด้วย ถ้าโลกและดวงอาทิตย์มีแรงดูดจริงเราคงถูกดวงอาทิตย์ดูดเข้าไปจนไหม้เกรียมแล้ว แต่เพราะแรงผลักซึ่งกันและกันทำให้มันยังคงอยุ่ในตำแหน่งเดิมตลอดไม่หลุดจากวงโคจร
@walkafterworkwaw7641
2 жыл бұрын
@@utthorntothasik ไม่ครับ ต่อให้ขนาดเล็กเท่าฝุ่น แต่มวลเท่าโลก กาลอวกาศก็โค้งครับ ไอน์สไตน์ บอกว่า ถ้าทฤษฎีของเขาผิดหนึ่งข้อ ทุกข้อก็จะผิดหมด
@dum5855
Жыл бұрын
@@utthorntothasik เก่งกว่าไอน์สไตน์สินะ อธิบายได้มั่วมาก ที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ หรือ ดวงจันทร์โคจรรอบโลก เพราะการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วรอบมวลที่ใหญ่กว่าคือสิ่งที่ทำให้(ยัง)ไม่ถูกดูดเข้าไปในทันที
เสียง สุดยอด อาจารย์
☕️🐼 สุดยอด ข้อมูล ครับ ฟังเพลิน และ ได้ ความรู้ ครับ 👍💕😇💎🙏
เพิ่มเติม ไอสไตน์ ได้รับรางวัลโนเบล เรื่อง ปรากฎการณ์โฟโตอิเล็กทริก (photoelectric effect) ไม่ใช่ทฤษฎี สัมพัทธภาพ
@Anittha262
2 жыл бұрын
ช่าย
ขัดใจเวลาได้ยินว่า สัมพันธภาพ ทั้งที่จริงมันคือ สัมพัทธภาพ
ชอบมากครับ
เข้าใจหลายอย่างเลยครับ
ไอน์สไตน์ประกาศตน เป็นผู้ไม่นับถือศาสนาใดในโลก แต่หากจะพูดว่า ศาสนาใดที่เข้าได้กับปรัชญาของเขาแล้วละก้อ ศาสนาพุทธเข้าได้กับปรัชญาของเขาที่สุด
@user-hd5re3uc8n
Жыл бұрын
ผมเคยอ่านหนังสือพระพุทธพบไฮสไตน์เห็น หรือกลับกันไฮสน์พบพระพุทธเจ้าเห็น...ลองไปหาอ่านดูครับ
@sayanladsalung9870
Жыл бұрын
@@user-hd5re3uc8n อ่านมาแล้วครับ เมื่อปี57
ฟังเพลินมากครับ
แรงโน้มถ่วงไม่มีอยู่จริง มีแต่แรงหมุนรอบตัวเองของโลกและดวงดาวในจักรวาลเท่านั้นที่มีอยู่จริง และคนเราไม่มีศาสนาก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มีคุณความดีติดตัว คิดดี พูดดี ทำดี จะมีแต่ความสบายใจ ไม่เชื่อลองปฏิบัติดู
เรายืนหรือทรงตัวอยู่ได้ด้วยแรงเหวี่ยงของโลก แรงเหวี่ยงนี้ก่อให้เกิดกระแสลมเฉื่อยชนิดหนึ่ง เสมือนที่เรายืนอยู่ข้างทางแล้วมีรถสักคันวิ่งผ่านไปทำให้เราตัวเอนตามแรงลม หากเป็นแรงดึงดูดของโลกซึ่งใบใหญ่มหาศาล เราอาจจะยกสิ่งใดไม่ขึ้นจากพื้นโลก // โน้มไปด้านหน้าทรงตัวด้วยน้ำหนัก เช่นเดียวกับที่โลกใบนี้หมุนไปในทิศทางเดียวไม่แปลเปลี่ยน 🤭🤗🤓
@dum5855
Жыл бұрын
เลอะเทอะ
@infinixx1800
Жыл бұрын
มีความเป็นไปได้สูงมากนะคะ ด้วยความที่โลกเป็นทรงกลม แรงเหวี่ยงก็มาได้ทุกทิศ มาตีกับเรา คือแรงเหวี่ยงของโลก+กระแสลมเฉื่อย ทำให้เราทรงตัวตรง ใช่พี่น่าสนใจ แล้วทีนี่ มีวัตถุเคลื่อนที่ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า ก็ทำให้เรา เคลื่อนที่ไปตามสิ่งๆนั้นคือ รถ ที่คุณบอก แต่ก็ไงอะโลกหมุนรอบตัวเองตลอดครบ24ชม.จึงเริ่มใหม่หมุนจุดเริ่มต้นใหม่เรื่อยๆ ร่างกายเราคือมีผลต่อพลังงานทุกทิศที่มีกระแสลมโจมตีมาเท่าๆกัน แล้ว ที่เขาเรียก ภูมิต้านทานของคนป้ะพี่ ก็คือ ความทนทานของร่างกาย ที่ทนต่อสิ่งที่มาโจมตี ไม่ว่าจะลม โรคภัย ทุกอย่าง มีผลต่อพลังงานรอบๆตัว ไม่ว่าจะวัตถุ ต้นไม้ ธรรมชาติ แต่สิ่งไหนที่มีน้ำหนักมากกว่าก็จะมีผลกับสิ่งนั้นๆเช่น เวลาหนูวิ่งผ่านทิชชู่คือทิชชู่ปลิวค่ะ แต่เวลาเดินไม่เพราะฉะนั้น ด้วยความที่โลกเป็นวงกลม กระแสลมเฉื่อยที่มีรอบทิศรอบตัวเราหรือวัตถุอื่นๆที่ยืนอยู่จุดตรงกลางแล้วถ้าวัตถุไหนมีน้ำหนักมากกว่าวัตถุไหนๆ เช่นนะพี่ เราคือวัตถุอยู่ตรงกลาง แล้วรถวิ่งผ่านเราแต่ด้วยความที่กระแสลมเฉื่อยหรือเกิดกระแสลมจากสิ่งอื่น คือ รถกำลังปะทะกับลมทำให้เกิดการหักเหของลมและลมนั้นกระทบกับเราที่อยู่ตรงกลางคือทำให้เราเอียงไปตามรถผ่านแต่ด้วยความที่เกิดขึ้นแป้บเดียวเราก็สามารถกลับมายืนตรงที่จุดเดิมได้นอกจากว่าจะมีรถที่น้ำหนักกว่ารถที่ขับผ่านเราแต่เป็นน้ำหนักที่มากกว่าหลายเท่ามีสิทธิ์ทำให้เราล้มกองกับพื้นได้ แต่กระแสลมเฉื่อยมีน้ำหนักน้อยกว่าเรา ทำให้เราล้มไปกองกับพื้นได้ด้วยการที่เราก็โจมตีกระทบกับลมนั้น แต่ถ้าตรงนั้นมีวุตถุเช่นทิชชู่มันก็ทำให้ทิชชู่โดนลมหักเหจากเราที่กระทบกับลมเฉื่อยแต่ว่าด้วยเรามีน้ำหนักมากกว่าทั้งสอง ก็ดูทิชชู่ว่าจะปลิวช้าๆหรือปลิวไวๆ ใช่พี่ ความคิดพี่น่าสนใจมากค่ะ แต่ท้าทายสมองหนูมากว่า พี่อาจจะหมายถึงอะไร คิดไปทางไหน ใช่ไหมคะพี่ แต่หนูไม่เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ว่า เลอะเทอะนะคะ เราก็วิจารณ์คุณบ้างว่า คิดไม่เป็น ไม่ได้รู้ความหมายของทฤษฎีหรือสิ่งไหนอย่างลึกซึ้งแม้แต่ใจคน
@infinixx1800
Жыл бұрын
สรุปพี่ โลกมีน้ำหนักมากกว่ามีผลกับวัตถุ+วัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่ามีผลกับเรา+เรามีผลต่อวัตถุที่มีน้ำหนักน้อยกว่า จึงเกิดการหักเหของลม เหตุคือ ลมที่นำไปสู่ความแรง ว่าด้วยโลกก็เจอลมจากทุกทิศแล้วก็หมุนรอบตัวเองไปทางเดียวกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์หรืออื่นๆที่มีน้ำหนักมากกว่าก็มีผลกับโลก ใช่ไหมคะพี่ แล้วลมเกิดจากอะไรกันแน่?เดี๋ยวหนูไปศึกษาต่อนะคะอันนี้คือความสงสัยของหนูค่ะ😂🙏 หนูเข้าใจถูกไหมคะ แต่ว่าเคยเรียนมานะคะไม่ได้ตั้งใจเลยค่ะ😅 พึ่งค้นพบบุคลิกตัวเองและก็มีคำว่าทฤษฎีแต่เคยได้ยินมาอยู่บ้างค่ะ ไม่เคยได้เข้าใจแบบถูกต้อง หนูพึ่งมาศึกษาจริงๆจังค่ะ จนได้รู้ว่า มันน่าสนใจมากกกกกพี่🥰🙏
@patiyutsanor7371
Жыл бұрын
คุณหยิบของเล่นมาเหวี่ยง และให้วัตถุปลายที่ไม่ได้จับ ปล่อยฝห้มันเคลื่อนที่อิสระดูครับ
@patiyutsanor7371
Жыл бұрын
หลักจากที่เราหยิบของเล่นมาเหวี่ยง วัตถุปลายจะเคลื่อนที่ถ่ายแรฃเหวี่ยง และโลกก้จะหมุนรอบตัวเอง
แรงโน้มถ่วง แรงดึงดูด แรงผลักดัน แรงแม่เหล็ก แรงแผ่รังษี คลื่นรังษี มีอยู่ในมวลของวัตถุอวกาศหรือดวงดาวทุกดวงในจักรวาล ยกตัวอย่าง โลก เป็นดวงดาวในระดับแพลนเนทหรือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง คุณสมบัติของโลกมีมวลทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12,000 กม. มวลของวัตถุรวมตัวกันก่อให้เกิดแม่เหล็กที่ไม่ใช่แม่เหล็กไฟฟ้า มีแรงดึงดูดของตัวเอง เช่น โลกมีแรงดึงดูดรอบตัวประมาณ 700 กม.เหนือพื้นดิน แต่เราเรียกว่าแรงโน้มถ่วง ส่วนที่เกินเลยออกไปเป็นเขตแดนของอวกาศ หรือคอสมิคฟิลด์ ของจักรวาล โลกสามารถส่งแรงแม่เหล็กในรูปแบบลายเส้นรอบโลกอันเป็นแรงล็อกที่มีทั้งแรงดึงดูดและแรงผลัก ล็อกวัตถุให้หมุนรอบโลกอย่างเช่นดวงจันทร์ ส่วนที่เลยไกลออกไปอีกเป็นแรงแผ่รังสีที่ส่งเป็นคลื่นออกไปทั่วจักรวาล {ส่วนที่เหลือพิจารณาเองว่า เซ่อไอแซกนิวตัน กับ ไอน์สไตนน์ ใครผิดใครถูก}
@user-ed1ir9hn8h
2 жыл бұрын
ยุคก่อนปี 1980 ทุกคนเชื่อว่านิวตันฉลาดสุดในโลก พอ1981ถึง1982 ตอนที่ สามารถสร้างแสงเลเซอร์ได้สำเร็จ และสามารถพิสูจน์ได้หลายอย่าง ตั้งแต่นั้นมา ไอสไตล์คือที่1
@dum5855
Жыл бұрын
มั่วละ อะไรคือแรงผลัก ที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกเพราะ กาลอวกาศรอบโลกกับดวงจันทร์ที่บิดโค้ง ดวงจันทร์จึงเคลื่อนที่วนไปรอบโลกตามแนวของกาลอวกาศที่โค้งรอบโลก เช่นเดียวกับที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
@user-tr1dg1pf2r
Жыл бұрын
การโคจรรอบดาวแม่เกิดจากดาวแม่ส่งแรงแม่เหล็กลายเส้นออกไปรอบตัว ลายเส้นนี้เป็นแรงล็อกโดยมีทั้งแรงดึงดูดและแรงผลักดัน ยกตัวอย่างให้เห็นได้ง่าย ดาวเสาร์มีวงแหวน นั่นคือแรงแม่เหล็กที่ล็อกวงแหวนให้อยู่กับที่ ไม่ให้เข้าหาและลอยออกไป สำหรับคำว่ากาลอวกาศ ที่จริงเป็นของสองสิ่ง กาลก็คือเวลา อวกาศคือสเปส ตรงกับภาษาอังกฤษ spacetime ซึ่งแยกเป็น space และ time อวกาศ หรือเอกภพหรือจักรวาลคือสิ่งที่เรามองเห็นรูปของดวงดาวและแกแลกซี่ ส่วนเวลาที่เราเข้าใจอดีตปัจจุบันและอนาคต ถ้าspacetime รวมกันน่าจะหมายถึงจักรวาลตั้งแต่เริ่มต้นในอดีตปัจจุบันและอนาคต การย้อนอดีตกลับไปอย่างเช่นรูหนอนย่อมทำไม่ได้ ส่วนการบิดโค้งรอบโลกนั้นเกิดขึ้นได้เพราะโลกหมุนรอบตัวเองลายเส้นแม่เหล็กรอบโลกจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและเป็นรูปโค้งตามเปลือกโลก.
@dum5855
Жыл бұрын
@@user-tr1dg1pf2r เอาที่พี่สบายใจเลยครับ สมอง 555555
@KrutoeyD
Жыл бұрын
@@dum5855 เขาอ่านมาแต่เข้าใจไม่หมดอ่ะครับ 5555 แค่รู้ว่า ส้มคือส้ม มะนาวคือมะนาว แต่ไม่รู้ว่าส้มกับมะนาวเกิดมาได้ยังไง
สุดยอดมากครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ไอส์ไตน์ เป็น ไอดอลผมครับ ผมเรียน วท.ม.ฟิสิกส์ เกษตร ใช่ละครับ หลายคนบอกว่า ไอส์ไตน์สร้างระเบิดนิวเคลียร์ ไม่ใช่เลย คนสร้างคือ ออปเทนไฮเมอร์
@user-pn1wi3hg7m
Жыл бұрын
และเขาก็ไม่ได้ใช้ทฤษฏีของไอสไตสร้างระเบิด
บางสิ่งที่เราคิดว่าใช่ แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ...ประวัติศาสตร์ทำให้เราเรียนรู้ในอดีต แต่จะจริงหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
สนุกมากครับ
มีความเป็นได้ ที่ ภรรยาของไอซ์สไตน์ เก่งมาก แค่ไม่ถูกบันทึกไว้
ยิ่งฟังยิ่งชอบประวัติศาสตร์+วิทยาศาสตร์ทั่วไปรอบตัว
@user-tf9pi8sk2z
2 жыл бұрын
ำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำ
@kanielouits8672
2 жыл бұрын
ตอนนี้ดูยุอีกมั้ย_
ความเข้าใจว่า "แรงดึงดูดนั้นไม่ได้มีอยู่จริง" ไม่ได้ตั้งขึ้นจากความจากเหตุผลที่ว่า "จักรวาลมีผิวเรียบ แต่โลกมีทรงกลม" ครับ จักรวาลมีผิวอย่างไรนั้นมันซับซ้อนที่จะบอกออกมาว่าเป็นอย่างไร และหากจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีขึ้น เราต้องเข้าใจเรื่องการมองเห็นเสียก่อน โดยพื้นฐานเราจะเข้าใจว่าตาเรามองเห็นวัตถุจากการมองวัตถุ แต่จริงๆแล้วตาเราไม่สามารถมองเห็นวัตถุอะไรได้ สิ่งที่เรามองเห็นจริงๆนั้นคือ แสงครับ ยกตัวอย่างหากเราอยู่ในห้องที่มืดเราจะมองไม่เห็นอะไรเลยหากไม่มีแสง ถ้าหากตาเราใช้มองวัตถุจริงๆ เราควรจะต้องมองเห็นในห้องมืดถูกมั้ย และสมมุติต่อว่าในห้องนั้นมีส้ม 1 ลูก เมื่อเราเปิดไฟ เราจะเห็นส้ม ทันที แต่เอาจริงๆมันคือแสงทบผ่านส้มมาก่อนมากระทบกับตาเรา เราจึงเห็นได้ว่ามันเป็นส้มนั่นเอง เนื่องจากแสงนั้นเปลี่ยนกายภาพของมันเมื่อกระทบกับอะไรซักอย่าง และตาเราใช้ประโยคจากตรงนี้ ในการอ่านข้อมูลของแสงว่ากระทบอะไรมาก่อน ทำให้เรารู้ได้ว่าก่อนแสงจะมากระทบตาเรานั้นมันกระทบอะไรมาก่อน เราวิวัฒนาการมาแบบนั้น จริงๆแล้วเรามองไม่สามารถมองเห็นวัตถุอะไรได้ สิ่งทีตาเรารับได้จริงๆคือ แสง นั่นเอง หากเข้าใจส่วนข้างบนที่กล่าวเราจะคิดต่อได้ว่า หากแสงนั้นไม่สามารถกระทบวัตถุนั้น หรือทะลุผ่านไป เพราะมันไม่ใช่วัตถุ เมื่อมันมาถึงตาเรา เราก็จะไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่ามันมีลักษณะแบบไหน เช่น อากาศหรืออวกาศนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ เราจึงอวกาศที่เรามองเห็นจริงๆ มันจึงไม่ได้มีหน้าตาอย่างที่เราเห็น เพราะแสงเดินทางมาในทิศทางผ่านอวกาศมาแบบไหนนั้น เช่นหากแสงนึงกระทบดาบพลูโตและพุ่งมายังโลก แต่ระหว่างทางมันเบี้ยวซ้ายขวาตามเส้นทางของอวกาศ แต่ไม่โดนวัตถุอะไรเลย ไม่ว่ามันจะเลี้ยวกี่แบบตามความเบี้ยวของอวกาศก็ตาม สิ่งที่เราจะเห็นเมื่อแสงนั้นมาถึงตาเราจะมีเพียงดาวพลูโต เนื่องจากเราไม่สามารถเห็นอะไรที่แสงไม่ตกกระทบได้ เราวิวัฒนาการมาอย่างนั้น และไอน์ไสตน์เชื่อว่าความบิดเบี้ยวนี้มันจะเกิดขึ้นในอากาศจากมวลหรือน้ำหนักของวัตถุที่วางอยู่ในอากาศ ยิ่งวัตถุมีน้ำหนักยิ่่งมาก เช่นดาวเคราะห์ต่างๆ ความเบี้ยวนั้นจะส่งผลชัดเจนขึ้น โดยความเบี้ยวที่เกิดจากวัตถุที่ไปวางไว้บนอวกาศนี้เองมันส่งผลกระทบของวัตถุโดยรอบให้เคลื่อนที่ไปตามพื้นผิวที่บิดเบี้ยวนั้น เช่น พระอาทิตย์ที่วางอยุ่ ทำให้พื้นที่รอบๆ เบี้ยวตามและทำให้ดาวอื่นๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์ หลักการเดียวกันกับที่ดาวเทียมหมุนรอบโลกของเราด้วยการให้ดาวเทียมวิ่งในลักษณะวิ่งผ่านโลก แต่ความบิดเบี้ยวของอวกาศบริเวณรอบโลก(จากน้ำหนักของโลก) ทำให้ดาวเทียมวิ่งผ่านไปไม่ได้ กลายเป็นวิ่งโค้งรอบโลกแทน โดยความต่างของทฤษฎีนี้มันต่างกับของนิวตันตรงที่ ทฤษฎีของนิวตั้นนั้นวางอยุ่บนที่วัตถุนั้นต้องมีน้ำหนัก(มวล) ถึงจะโดนแรงโน้มถ่วงดูดได้ แต่ของไอซ์ไสตน์นั้น ความเบี้ยวนี้จะส่งผลกับวัตถุทุกชนิด ไม่จำเป็นต้องมีน้ำหนักหรือมวล หากมีการเคลื่อนที่ผ่านบริเวณบิวเบี้ยวนี้จะต้องเดินทางเบี้ยวตามอยู่ดี เพราะพื้นที่มันเบี้ยว และมันดันมีวัตถุ(อนุภาค) ที่ไม่มีมวล ซึ่งมันก็คือแสงนั่นเอง แสงนั้นเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาคที่ไม่มีน้ำหนัก หากทฤษฎีของนิวตั้นนั้นถูกต้องแรงดึงดูดนั้นจะต้องไม่ส่งผลกับแสงเนื่องจากแสงไม่มีน้ำหนัก แต่ในทางกลับกันทฤษฎีของไอไสตน์นั้นเชื่อว่า แสงนั้นจะต้องเบี้ยวเลี้ยว เพราะพื้นที่ตรงนั้นเบี้ยว และทฤษฎีของไอนไสตน์นั้นถูกพิสูจน์ว่าจริงจากการทำนายของเค้าจากสุรยุปราคา ก็คือ เมื่อสุรยุปราคาเกิดขึ้น ตามทฤษฎีของนิวตั้น เราจะมองไม่เห็นดวงดาวบางดวงเพราะว่าพระอาทิตย์นั้นจะบังดาวดวงนั้นไว้ (โลก) (พระอาทิตย์) (ดาวA) แต่หากเราเห็นดาวนั้น ก็จะตรงตามที่ทฤษฎีของไอไตน์อธิบายว่า ที่เราเห็นเพราะแสงมันปั่นโค้งผ่านดวงพระอาทิตย์การปั่นโค้งของแสงนั้นไม่ได้เกิดจากแรงดึงดูดแน่นอน (เพราะแสงไม่มีมวล) แต่แสงโค้งจากความโค้งของพื้นผิวอวกาศที่เกิดการบิดเบี้ยวจากมวลของพระอาทิตย์นั่นเองนั่นเอง
@jaekleker8914
2 жыл бұрын
เข้าใจเลยอธิบายได้ยอดมากคับ
@user-el7ys6tx1h
2 жыл бұрын
แสงโค้งเพราะแรงโน้มถ่วงของดวงดาวต่างหาก
@sprazer
2 жыл бұрын
@@user-el7ys6tx1h แสงเป็นอนุภาคที่ไม่มีน้ำหนักหรือไม่มีมวล แสงไม่สามารถโดนแรงดึงดูดดูดได้ครับ(หากเราสมมุติว่าแรงดึงดูดมีจริง) แต่ที่เราเห็นแสงโค้งเพราะ พื้นที่ที่บิดเบี้ยวของอวกาศ หรือ The curvature of spacetime ครับ
@user-el7ys6tx1h
2 жыл бұрын
@@sprazer แล้วหลุมดำคิดว่าไม่มีแรงโน้มถ่วงงั้นหรอ
@SVUONT9596
Жыл бұрын
@@user-el7ys6tx1h สูตรการคำนวณแรงโน้มถ่วงระหว่างวัตถุ 2 ชนิดคือ G(m1*m2)/r^2 หมายความว่าแรง G คูณอยู่กับผลคูณของมวลของวัตถุที่1 กับมวลของวัตถุที่2 หารด้วยระยะห่างของวัตถุทั้งสองกำลังสอง ทีนี้ ถ้าแสงโดนแรงดึงดูดของดวงดาวทำให้โค้ง มวล1 คือมวลของดวงดาว ส่วนมวล2 เราจะไม่สามารถหาค่ามาแทนได้ เพราะแสงไม่มีมวลครับ ดังนั้นจึงเป็นการพิสูจน์ว่ากฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันนั้นใช้ไม่ได้กับกาลอวกาศ
พูดถึง Antonin Artaud หน่อยครับ
ขอบคุณมากครับ เปิดสมองดี
เรื่องคนตกสู่โลก เป็นเรื่องมวลที่กระทำต่อกาลอวกาศไม่ใช่หรือครับ แต่การใช้พื้นที่ผิวโค้งพิสูจน์การกระทำและผลของการกระทำนั้นโดยแสงอาทิตย์ก็ตามนั้นครับ
@realityprogressive4400
2 жыл бұрын
จริงๆแล้ววัตถุมันอยู่ในตำแหน่งที่สมดุลของมันอยู่แล้วครับ แต่กาลอวกาสมันบิดโค้งทำให้ดูเหมือนวัตถุเคลื่อนที่ครับ ตอนนี้เรานั่งอยู่เฉยๆ แต่พื้นโลกดันเรากำลังเร่งด้วยอัตรา 9.8 เมตร ต่อวินาทีกำลังสองขึ้นข้างบนอยู่ครับ
@realityprogressive4400
2 жыл бұрын
คุณลองปล่อยโทรศัพท์ของคุณโดยที่ไม่มีอะไรลองใว้ข้างล่างสิครับ ตอนนั้นคือ โทรศัพท์อยู่ในความเร่งที่เป็น0 และเป็นกรอบอ้างอิงเฉื่อย คือมีความเร่งเป็น 0 memory card และซิม ในนั้นจะอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก เหมือนอยู่ในอวกาศ
@realityprogressive4400
2 жыл бұрын
แต่ในที่สุดพื้นโลกเจ้ากรรมก็ดันเร่งขึ้น ด้วยอัตราเร่ง9.8เมตรต่อวินาที มาชนหน้าจอผมแตกจนได้😭
ชอบน้ำเสียงและการออกเสียงของเจ้าของคลิปค่ะ น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำดี
@user-lq6gz1qi3l
Жыл бұрын
ครับ
ฟังเพลินดีครับ
เสียงน่าฟังมากมีเอกลักษณ์
อัจฉริยะมากกกก.. ความคิดที่คิดได้ยังงัยกันนั่น... สุดๆ
ผมไม่เรียกเขาว่า อัจฉริยะ นะ ผมเรียกเขาว่าคนเก่งเรื่องคิดคำนวณและฉลาดมาก มากกว่า เพราะคำว่า อัจฉริยะ คือต้องทำได้ทุกทุกอย่าง
@Gintoki2006
Жыл бұрын
มันแบ่งประเภทได้ครับว่าอัจฉริยะด้านไหนถ้าจะทุกด้านแบบนั้นคือสมบูรณ์แบบครับไม่มีจุดบกพร่องสักจุดแต่ตั้งแต่โลกถือกำเนิดมายังไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนเลยที่ไกล้กับคำว่าสมบูรณ์แบบ
อยากให้ทำ sub eng ค่ะ 😢
อ้ายคือเว่าอังกฤษเก่งแท้ มักหลายครับคลิปแนวนี่
ไม่รู้..ไม่รู้
ไม่ใช่ความโค้งของโลกครับ แต่เป้นเพราะการกระจุกตัวของมวลจำนวนมากในปริมาตรหนึ่งๆ ทำให้กาลอวกาสบิดโค้งซึ่งสสารดำรงอยู่จึงทำให้สสารที่มีมวลนั้นๆเคลื่อนที่
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย โลกนี้จะสูญสิ้นมลายหายไปจากระบบจักรวาลอย่างสิ้นเชิง
อ่านได้เยี่ยมมากครับ
แรงโน้มถ่วงที่ว่ามีอยู่และทั้งที่ไม่มีอยู่ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ความมีอยู่ทั้งหมดของรูปสะสาร และปรากฏการณ์คือความไม่มีอยู่ของสิ่งนั้นๆ ความจริงแห่งธาตุทั้งสี่ดินน้ำไฟลมย่อมมีอากาศธาตุ(ความว่าง)เป็นฐานเดิมของทุกๆธาตุ ในมหาจักรวาลนี้ เพราะฉะนั้น ทั้งแรงโน้มถ่วงและความไม่มีอยู่ซึ่งแรงโน้มถ่วง มันจึงเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีอยูจริง สิ่งเหล่านั้นมันเป็นเพียงสิ่งเกิดดับที่เปลี่ยนขั้วกลับไปกลับมา เรียกว่าสัมพันธภาพแห่งระบบจักรวาล หากมีดาวดวงหนึ่งระเบิดอย่างรุนแรงเศษแห่งดาวดางนั้นก็มีโอกาสไปตกที่ดาวดวงอื่นก็เป็นได้ เช่นกัน หากโลกนี้เกิดระเบิดอย่างรุนแรง เศษโลกนี้ก็มีโอกาสไปตกที่ดาวดวงอื่นได้เช่นกัน หากแรงโน้มถ่วงมีอยู่จริงการระเบิดของดวงดาวหรือโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แตกกระจายต้องคืนกลับสู่รูปเดิมทั้งหมด แต่หากแรงโน้มถ่วงไม่มีอยู่จริงโลกและดวงดาวทั้งหมดในระบบแห่งมหาจักรวาลนี้ก็คงกระเด็นกระดอนแตกกระจายแหลกเป็นผุยผงไปหมดแล้วเช่นกัน เราจึงมิอาจกล่าวได้ว่าทั้งแรงโน้มถ่วงและความไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วงนั้นมีอยู่จริง แต่มันเป็นเพียงปรากฏการณ์แห่งสัมพันธภาพในระบบจักรวาลนี้เท่านั้น และสัมพันธภาพนี้ก็มิได้หยุดนิ่งเป็นจริงอยู่อย่างตายตัวแต่ประการใด ที่สำคัญคืออากาศธาตุ(ธาตุว่าง-หรือความว่าง)นี้เท่านั้นที่เป็นความจริงแต่เดิมของทุกธาตุและทุกปรากฏการณ์ มหาจักรวาลที่ไร้ขอบเขตโดยอนันต์ย่อมมีความว่างเป็นฐานรองรับในทุกๆสรรพสิ่งและทุกๆปรากฏการณ์ หากไม่มีความว่างโลกและดวงดาวอันหาประมาณมิได้ย่อมจะไม่มีที่ไห้อาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นทุกๆปรากฏการณ์ ทั้งแรงโน้มถ่วง และความไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง ทั้งความเร็วแสง การหักเหของแสง ทั้งเสียงฟ้าผ่า คลื่นเสียง ทุกสิ่งย่อมมี(ความว่าง)หรือช่องว่างเป็นสิ่งไห้ได้ก่อกำเหนิดหรือตั้งอยู่เพียงชั่วขณะเท่านั้น ทุกสิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส อาศัยอยู่ ล่องลอยอยู่ในมหาสากลจักรวาลจึงเป็นเพียงปรากฏการณ์แห่งสัมพันธภาพแห่งระบบจักรวาลอันมีสภาพไม่เที่ยงคือเปลี่ยนแปรได้ตลอดอยู่เสมอ และความที่มีอยู่ที่เป็นอยู่นั้นย่อมจะบัญญัติไม่ได้ว่ามันมีอยู่และเป็นอยู่จริงๆ เพราะสภาพเหล่านั้นถึงที่สุดแล้วก็ย่อม(อนัตตา)ดับไปสู่ความว่างเช่นกัน
@sompornsiengpoo771
2 жыл бұрын
จริงแท้
@kittinanpakboon8129
2 жыл бұрын
แรงโน้มท่วงมันมาจาก สะสารที่มีมวลมากๆครับ อย่างโลกเรา แต่พอมันระเบิดไป สะสารก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ชิ้นเล็กๆ มวลแต่ละชิ้นมันเลยมีไม่มากพอ ที่จะสร้างแรงโน้มถ่วงแบบปกติได้ ก็เลยแตกออก กระเด็นไปคนละทิศละทาง ในอวกาศ
@apinanaubolsak
Жыл бұрын
ก็อธิยายได้ระดับหนึ่งครับ เราตัดสินใจไม่ได้จริง ถ้าใช้การอนุรักกัน 5555เพราะทุกคน มีความจริงความเข้าใจไม่เหมือนกัน เป็นความจริงเลยแหละ
ถ้าฟัง แบบไม่ใช้จินตนาการ ไอน์สไตน์ ก็แค่คนเพี้ยนๆคนนึง ถ้าใช้แต่ความรู้ เราก็รู้เท่าความรู้บนโลกที่มีอยู่ เคยดูสารคดีเกี่ยวกับ ไอน์สไตน์ ในสารคดีเล่าว่า ไอน์สไตน์ คุยกับแฟนว่า ถ้าคนเราเดินทางได้ไวเท่าแสงจะเป็นยังไง แฟนพี่บอกว่า ไปน์สไตร์ว่าบ้าหรอ ใครจะไปเดินเท่าแสงได้ ไอน์สไตน์บอก แล้วถ้าอนาคตคนเราทำได้แล้วหล่ะ ตอนแรกเราดูคนบ้าอะไรจะหเร็วเท่าแสงได้ พอมานั่งคิดๆดู เออแล้วถ้าทำได้จะเป็นไงว่ะ แล้วก็นอนดูต่อ กลายเป็นแบบชอบจินตนาการของพี่แกมากๆ คือแม่งว้าวได้ตลอดอ่ะ
@PrincessOmegzz
2 жыл бұрын
ถ้าเดินทางได้เร็วเท่าแสง เราจะเห็นทุกอย่างอยู่นิ่งแบบหยุดเวลา แต่มวลของตัวเราจะเป็นอนันต์ทันที
@kuuhaku3503
2 жыл бұрын
@@PrincessOmegzz ไม่ใช่ละครับ มวลเราก็เท่าเดิม
@PrincessOmegzz
2 жыл бұрын
@@kuuhaku3503 มวลที่ผมกล่าวไป หมายถึงมวลสัมพัทธ์ครับ เพราะกล่าวถึงมวลในระบบทฤษฎีสัมพัทธภาพ มันจึงสามารถเพิ่มขึ้นได้จนเป็นอนันต์ จึงต้องใช้พลังงานเท่ากับอนันต์ในการผลักให้มันเคลื่อนที่ครับ ไม่ใช่มวลที่เราชั่งน้ำหนักกัน ขอโทษทีครับผม
@kuuhaku3503
2 жыл бұрын
@@PrincessOmegzz ok ครับผม
@mind_Aekgaphop
2 жыл бұрын
ถ้าเราทางแสงได้ เราจะสามารถเดินทางไป ไม่อดีต ก็อนาคตครับ
สุดยอด
แอดครับขอ ประวัติ J. Oppenheimer
ชนชาติลูกหลานอับบราฮัมฉลาดทุกคน ผมมีเพือนยิวหลายคนแต่ละคนฉลาดมาก....
@alphathada6402
2 жыл бұрын
อาเมน
ผมพยายามฟังแต่ได้ยินไม่ชัด เอาเป็นว่าที่ถูกคือ สัมพัทธภาพ ไม่ใช่ สัมพัน ครับ ถ้าถูกอยู่แล้วขออภัย
เยี่ยมๆ สุดๆยอด ของ ❤❤❤ อัจฉริยะ ❤❤❤❤❤
ฟังเเล้ว เจ็บคอเเทน
ผู้สร้างความลำบากให้กูในการเรียน 55555
@Ybo_9785
2 жыл бұрын
🤣🤣🤣🤣ใช่
@70y89
Жыл бұрын
ใช่ปวดหัวมากโดดประจำ😅😂
@FirstKunCH
Жыл бұрын
ไม่ได้ยากนะ
@T2N-King
11 ай бұрын
@@FirstKunCHไม่เหลือครับติด0ครับ12ตัว
@arnole1218
11 ай бұрын
@@FirstKunCHครับโดดเรียนไม่ยากเท่าไหร่
ลูกหลานแก เป็นอาจารย์ที่ MIT ใช่ไหมครับ555
คุณภาพคับแก้วเหมือนเดิมครับ
ขอเรื่อง อลัน ทัวริ่ง หน่อยครับ
ผิวโลกที่โค้งไม่ได้ทำให้กาลอวกาศโค้งนะครับ มันขึ้นอยู่กับมวลของวัตถุ ยิ่งมากยิ่งโค้งมากครับ แล้วก็สัมพัทธภาพ ไม่ใช่สัมพันธภาพ ตรงนี้คนอ่านผิดบ่อยมาก
คุณ อัลเบิร์ตไอสไตน์ วีระบุรุษ แห่งแสงสว่าง ไม่มีท่านก็ไม่มีแสงสว่าง แสงแห่งความสะดวก แสงที่ทำให้ลูกหลานควรจดจำและขอบคุณ
@SiamThai19
Жыл бұрын
แล้วเอดิสันคิดค้นอะไรละ ถ้าไอสไตน์ คิดค้นแสงสว่าง 🤣🤣🤣
@happytoyou8424
11 ай бұрын
@@SiamThai1955555555 ขำกรากเลย มีคนจำผิดคนด้วย
ส่วนผสมของปรมนูมีแร่ธาตุอะรัยบ้างครับเผื่อว่าผมจะชวนเพื่อนฝูงลองทำบ้าง ปูน ทราย หิน เท่ารัย ครับ บอกด้วยนะ ถ้าเป็นแร่ธาตุที่หายากหาได้ที่ไหนครับด้วยบอกครับ.
ติดตามครับ
" Jeder ist ein Genie! Aber wenn Du einen Fisch danach beurteilst, ob er auf einen Baum klettern kann, wird er sein ganzes Leben glauben, dass er dumm ist. "
@user-hk3vu4mh4q
2 жыл бұрын
ภาษาอะไร
@peeraponhomwan1169
2 жыл бұрын
@@user-hk3vu4mh4q น่าจะเยอรมัน
@12345678987654321537
2 жыл бұрын
Everyone's gullible if they assume that the earth if flat and the tree grows on the fish that lives in a dessert. 5555
@papasnumnim3231
2 жыл бұрын
@@peeraponhomwan1169 ใช่ค่ะ เป็นภาษาเยอรมัน😊
ไอน์สไตน์บอกว่าคนที่ฉลาดที่สุดในโลกคือ นิโคลา เทสล่า
@user-bc3tp4wu1e
Жыл бұрын
แล้วแต่คนนะชอบใครก้อว่าคนนั้นฉลาด
2:14 เพลงอะไรมีใครรู้ไหมครับ
เกรดไม่ดีไม่เอื้ออำนวยนี่อาจจะไม่ค่อยถูกนะครับเขาไม่ได้เป็นนักวิชาการของมหาวิทยาลัยตัวเองก็เพราะถูกอาจารย์มั่นใส่เพราะว่าไอน์สไตเป็นคนชอบเถียงอาจารย์(ตามสไตล์คนเก่ง)แต่ก่อนหน้านั้นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของเขาได้สัญญากับเขาว่าจะให้ตำแหน่งนักวิชาการให้กับเขา ลองไปอ่านดูในหนังสือจักรวาลในเปลือกนัทก็ได้จะมีการเล่าประวัตรของไอน์สไตและทฤษฎีของเขา แต่เดี๋ยวนี้ก็เป็นที่รู้กันทั่วแล้วว่าไอนสไตนผลการเรียนไม่ดีไม่เป็นเรื่องจริง
จีนเอยสหรัฐเอยเยอรมันเอยอินเดียเอยลงทุนไปหลายล้านเพื่อที่จะสำรวจอวกาศ แต่เด็กข้างบ้านผมลงทุนแค่ไม่ถึง100ใช้แค่กาว3Kหลอดเดียวก็เดินทางไปได้ทั่วจักรวาลเข้าออกหลุมดำสำรวจดวงอาทิตย์เป็นว่าเล่นเลย ไอสไตน์ได้กล่าวไว้ว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้น่าจะจริง
@brandonanan1729
2 жыл бұрын
555 เฉียบ
@user-jw3en1ck3z
2 жыл бұрын
55+
@maxwo.rattaphon6720
2 жыл бұрын
5555 ข้าน้อยขอคาระว้ะท่านอาจารย์ ประโยคของท่านช่างล้ำลึกและตลกชิปหาย
@julianairestarforce
2 жыл бұрын
โคตรคมเลยครับ หูตาสว่างเลยเฉียบมาก
@user-bd3rf6id3i
2 жыл бұрын
ผมอ่านเสร็จหัวเราะจนคนข้างๆมองเป็นตาเดียวเลย
ขอเศษสมองหน่อยอัลเบิร์ต
ต้องให้ดร.เอ้หลานสายตรงมาช่วยขยายความครับ
ใด้เวลาดีๆๆมารวมกันดังเดิม
ไอน์สไตน์คือสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ของโลก และแน่นอนว่าหลักวิทยาศาสตร์ ย่อมไปกันไม่ได้กับหลักศาสนา แต่ไอน์สไตน์แทบไม่มีข้อสงสัยใดๆในศาสนาพุทธ
@sengkhamyavong9840
Жыл бұрын
มันเกี่ยวกับศาสนาพุทธยังไงหรอครับ
@apinanaubolsak
Жыл бұрын
@@sengkhamyavong9840 แสดงว่าคุณไม่ใช่คนพุทธ
@apinanaubolsak
Жыл бұрын
@@sengkhamyavong9840 คือ2500ปีที่แล้ว พระพุทธเจ้าได้พูดไว้หมดแล้วตามคำภีร์ แล้วจะถามคุณว่ายุคนั้นมีภาษาหรือ วิทยาศาสตร์แล้วยัง เฮ้อ คือเราต้องเชื่อก่อนไงสมัยนั้นอะ หลังยุคนี้และก่อนคริสตกาล ก้อมีปรัชญา นักปรัชญแรกๆของโลกก้ว่าได้นะ อริสโตเติล,เพลโต พระเยซู อะไรประมาณนี้ ชื่อที่พูดมาคือยกมาเปรียบเฉยๆ อยากรู้ ที่มาแตละคนไปหาเอาอีกแง่หนึ่งเอาเอง แต่ก้ให้เห็นภาพ ที่อธิบายมาคือ วิทยาศาสตร์เขาเชื่อในทางศาสนาแล้วครับแล้วตอนนี้เขาต้องการหาคำอธิบาย ของการมีอยู่อนุภาคนี้ ให้เข้าใจ และก่อนจะมีวิทยาศาสตร์ นั้นคือเขาก็เอาหลักปรัชญา หลักคำสอน โดยเราว่าไว้ นั้นมาประยุกต์ใช้ คิด จนเป็นวิทยาการ,วิทยาศาสตร์ มาให้เรานี่ไง สุดท้ายจะแนะนำให้ไปศึกษาว่าที่เขาพูดอนุภาคพระเจ้านั้นอธิบายกันยังไงคือให้ไปศึกษา ใน"วิทยาศาสตร์ควอนตัม"นะเพราะวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ที่เราใช้อยู่นี้มันใช้อธิบายไม่ได้เพราะจะทำลายกฎอนุรักพลังงานของนิวตันโดยที่ไอสไตก้ได้ต่อยอด เอาละนั้นอีกประเด็นคือการอธิบายการมีควอนตัม ตอนวาระสุดท้ายหรือก่อนที่เขาจะปลดวางทางฟิสิกของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์นั้น จริงแล้วสิ่งที่เราค้นหายิ่งค้นมันยิ่งไม่สิ้นสุด เพราะการมีอยู่นั้น เกิดมาเพื่ออะไร ทำไมต้องเกิดขึ้นมา ถ้าไม่มีอะไรเกิดมาจะมีอะไร ฯลฯ คือก่อนนั้นวงการฟิสิกได้ถกเถียงกัน หักล้างกันไปมาระหว่างคนที่เชื่อในกฎฟิสิกเชิงอนุรักษ์พลังงานกับกฎคนเชื่อกฎของควอนตัมของเชอโลนิงเออร ทำให้ไอสไตน์ต้องกุมขมับกันเลย แต่ยังไม่มีใครชนะ แต่กฎของเชอรโลนิงเออร์มีนักฟิสิกอีกคนมาอธิบายเชเรจคอปสิ่งที่เร็วเท่าแสงนั้นจะมีช่วงคลื่นแบบเส้นตรงช่วงเดียว(ความถี่นั้นสั่นไหวความเร็วๆจนไม่เห็นช่วง)ที่ทะลุกำแพงแสงอย่างที่เสียงเดินทางทะลุกำแพงเสียง แต่ความยาวคลื่นเสียงยังเห็นช่วงๆคลื่น อยู่ ต่อมา ที่ว่าไอสไตได้เอ่ยปรัชณาไรไว้นั้นเอาประเด็นที่เม้นถานะ หลังจากที่กฎไอสไตน์ได้แพ้คะแนะ2/1เสียง ทำให้ไอสไตน์ อุทานว่านี่มันเป็นการกีะทำของภูตผี เพระตอนนั้นเขาจะปลดวางแล้วแล้วหันหน้าเข้าหาทางหลังศาสนา เพราะตัวเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์เขาเองจะไม่บอกว่าตัวเองนั้นนับถือศาสนาได แต่เพียงให้แนวคิดคือ "มีศาสนาไดที่ประยุกต์ใช้ได้กับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้นั้นคือพุทธนั้นเอง" ตามคลิปนั้นอาจใช้คำผิดที่ว่าไอสไตผิด เขาไม่ได้ผิด คือไม่มีใครผิดถูกครับ เชอร์โลนิงเอก็ไปต่อได้แต่ได้แบบว่า จะอธิบายยังไงมันก็ ไปเรื่อยอะ เพราะกฎความตัวนั้นไม่สนพลังฟิสิกไม่ต้องมีเหตุผล ปรากฏการที่ฟิสิกตกตะลึงนั้นเป็นปราฎิหารที่เกิดขึ้นและยากมากที่จะเกิดในฟิสิกทำให้เชอร์โลนิงเออร กุมขมัปไปอีกคน จะเห็นว่า อนุภาคที่เกิดกลหล แปลกประหลาด อัศจรรย์ใจแบบนี้ มันคือ "อนุภาคพระเจ้า" เป็นคำที่เขาให้จำกัดความไว้ของสิ่งที่ว่านี้ อธิบายให้เข้าใจด้วยกฎควินตัว แบบนี้ เฮ้อ เข้าใจนะ
ประวัติศาสตร์กองทัพไทยหน่อยครับ ยุทธนาวีเกาะช้าง บ้านร่มเกล้า ไทยกับเขมรแดง
@kopterbenz5771
2 жыл бұрын
+1 ครับ
@justyours4527
2 жыл бұрын
+
ความจริง ที่เห็นด้วย "พลังจิต" เห็นความจริงในจักรวาล ได้มากกว่า "ตา" เห็น ต้องใช้ "จินตนาการ/จินตามัยปัญญา" รู้ รู้สึก เพราะ สรรพสิ่งในโลก มี "สสาร ที่ละเอียด เกินกว่า ตาเห็น มี พลังงาน ที่ อายตนะ ๕ สัมผัส ไม่ได้ แต่ "คน มีวิญญาณ รู้" (สรรพสิ่งอื่นๆ ที่ไม่มีจิต จะไม่รู้ รู้สึก) หรือ มี"จิต ชันธ์" รู้เห็น สิ่งที่ ละเอียด/คลื่น พลังงาน การรู้ด้วยจิต ต้อง "เป็น จิต มี สติ สมาธิ ปัญญา=ญาณทัศนะ ที่ คนต้องฝึก/หรือคน อัจฉะริยะ ในโลก มี พระพุทธเจ้า ไอสไตย์ พระอรหันต์อื่นๆ และนักวิทยาศาสตร์ อีกหลายคน แต่ก็มีนัก วิทยาศาสตร์ นักวิชาการ อีกมาก "อวิชชา" เรื่อง พลังจิต การเห็น ด้วยจิต(สัมผัส) เพราะไม่รู้ แต่อวดดี จึงมัก เถียง โต้แย้ง ไอสไตย์ หรือ พุทธะ คิดเล่นๆๆๆ
@Anittha262
2 жыл бұрын
ไปอ่านแก่นพุทธของท่านพุทธทาสก่อนไป
@hellomobile4986
2 жыл бұрын
@@Anittha262 รู้น้อย พลอยรำคาญ หรือครับ?
@hellomobile4986
2 жыл бұрын
ปฏิกริยา ทำให้เกิด "พลังงาน=นาม" ทำให้ "เกิด+สังขาร" เป็น สรรพสิ่ง ทั้ง "รูป+นาม" ในจักรวาล และ โลกสังขาร มี "ผลต่อ สัตว์โลก" ให้มี "ชีวิต สันตติ" ได้ยาวๆๆแต่ชั่วคราว (ไม่อมตะ) คือ ปฏิกริยา ฟิวชั่น และ ฟิชชั่น ? มี ในจักรวาล ๒ แห่ง คือ ดวงอาทิตย์ และ ในร่างกายของ "คน"และสัตว์ อัก ๖ ภพภูมิ (มี พลังงาน ในตัวเอง สร้าง=สังขาร ขึ้นในตัวเอง" ) กฏนี้ ไอสไตย์ หยั่งรู้/เห็น ด้วย "ญาณทัศนะ"เป็น อัจฉริยะ บุคคล E=mc^2 ทฤษฏี ไอสไตย์ นำมาใช้ "สังขาร ทาง วัตถุ=เคมี +ฟิสิกค์" ช่วยคน ชนะ "Time&Space" แต่ไม่ "ชนะทุกข์" พระพุทธเจ้า รู้ พลัง "จิต" มี "อภิญญา(ฌาน) และ ญาณทะศนะวิสุทธิ์ " เอาชนะ เวลา +ระยะทาง+ความทุกข์ ได้ =นิพพาน" พ้น ขอบเขต จักรวาล ? พึงรู้แจ้ง ?
@eisisice9208
Жыл бұрын
เบียวศาสนาเหรอครับ
ผมจบ ป.ตรี เอก ฟิสิกส์ 👍สุดจัด...🤗