Facebook: / hormoneforkids
Line ID: @hormoneforkids line.me/ti/p/@oib5932k
สามารถฝึกลูกนอนยาวได้ตั้งแต่อายุประมาณ 3-4 เดือน
ทำไมเด็กทารกถึงร้องไห้ตอนกลางคืน
1) เด็กยังไม่สามารถแยกกลางวันกับกลางคืนได้
โดยปกติคนเรามี Biological clock นาฬิกาชีวภาพที่ควบคุมวงจรการนอนหลับ คือ ตื่นนอนตอนเช้าและเข้านอนตอนกลางคืน โดยมีแสงอาทิตย์เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายรับรู้ว่านี่คือการเริ่มต้นวันใหม่
แต่สำหรับเด็กทารกแรกเกิด นาฬิกาชีวภาพ หรือเรียกง่ายๆว่านาฬิกาปลุกในร่างกาย ยังไม่เริ่มทำงาน เหมือนยังอยู่ในท้องแม่ ยังแยกกลางวันกับกลางคืนไม่ได้ ดังนั้น ก็มีแต่กินกับนอน หลับๆตื่นๆสลับไปมาทุก 2-3 ชม.
กว่าจะเริ่มทำงานเข้าที่เข้าทางจริงๆ เร็วสุดก็อายุประมาณ 3-4 เดือน
ดังนั้นหลักการในการฝึกเรื่องการนอนของลูก คือ ต้องให้เด็กรู้จักความแตกต่างระหว่างกลางวันกับกลางคืน คือ ตอนกลางวันสว่างและเสียงดัง ตอนกลางคืนมืดและเงียบสงบ เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้า เพื่อให้นาฬิกาชีวภาพทำงานเป็นปกติ
ในหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ชัดเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้นาฬิกาปลุกในร่างกายของเด็กทำงานเพี้ยนไป เด็กจะสับสนระหว่างกลางวันกับกลางคืน จึงทำให้ตื่นร้องไห้กลางดึก อยากให้ลองเช็กกันดูนะคะ ว่าเข้าข่ายข้อไหนบ้าง
- ปล่อยให้ลูกนอนต่อโดยไม่ปลุกหลัง 8 โมงเช้า
- ให้อยู่ในห้องที่เปิดไฟสว่างในตอนเย็นจนถึงเวลาเข้านอน
- พ่อแม่นอนดึก ลูกเลยพลอยนอนดึกไปด้วย
- ให้ลูกหลับในห้องนั่งเล่นที่เปิดไฟและ TV อยู่
- รอให้พ่อกลับบ้านก่อนค่อยอาบน้ำให้ลูกตอนดึก
- ให้ลูกอยู่ในห้องที่แสงแดดส่องไม่ถึงทั้งวันและไม่ค่อยพาออกไปข้างนอก
- เล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างพาลูกเข้านอน
ถ้าตอบว่าใช่แม้แต่ข้อเดียว ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพ่อแม่ได้แล้ว
2) ละเมอร้องไห้
o ปกติมีวงจรการนอนหลับ หลับลึกกับหลับตื้นสลับกัน ผู้ใหญ่ทุก 90 นาที แต่ทารกสั้นกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง คือประมาณ 45 นาที ทำให้มีโอกาสตื่นได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่
o ช่วงหลับไม่สนิทหรือช่วงที่หลับตื้น ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะมีการละเมอ หรือพลิกตัวไปมา
o เด็กทารกเองก็มีเหมือนกัน แต่เนื่องจากยังพูดไม่ได้ ก็เลยละเมอออกมาเป็นเสียงร้องไห้ นอกจากร้องไห้แล้ว ก็อาจจะมีการสะดุ้งหรือแกว่งแขนขา
o เพราะฉะนั้น ถ้าลูกร้องไห้ตอนกลางคืน อย่าเพิ่งรีบเข้าไปอุ้มหรือให้ดูดเต้า ให้ดูก่อนว่าเป็นแค่ “ละเมอร้องไห้” รึป่าว เพราะถ้าต้องอุ้มทุกครั้ง อาจจะทำให้ลูกติดนิสัย นอนต่อเองไม่ได้ ต้องให้แม่กล่อมเข้านอนกันใหม่
o แนะนำจับหน้าอก นอนตะแคง ดูสัก 2-3 นาที อาจจะสงบและนอนต่อได้เอง
แก้ปัญหาการนอนของลูกด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ
ทำตามเพียงแค่ 3-4 วันก็เห็นผลแล้ว
1) ปลุกลูกก่อน 7 โมงเช้า อย่างช้าสุดไม่ควรเกิน 8 โมง (ถ้านอนหลัง 4 ทุ่ม) สำคัญมากๆ เทคนิคในการปลุกลูก
o เปิดม่านให้แสงอาทิตย์ส่องมาในห้องนอน ถ้าเป็นห้องที่แสงส่องไม่ถึงหรืออากาศมืดครึ้ม ให้เปิดไฟแทน เมื่อลูกลืมตาตื่น ให้พูดทักทายกับลูกเบา “อรุณสวัสดิ์” “good morning” ถ้ายังไม่ตื่น ก็อาจจะลองพูดทักทายลูกอีกครั้ง ถ้าพูดซ้ำแล้วยังไม่ตื่น ค่อยเขย่าตัวเบาๆปลุก
o เวลาปลุก อย่ารีบอุ้มลูกขึ้นมาทันที เด็กอาจจะงอแง
o เริ่มกิจวัตรประจำวันยามเช้าพร้อมบอกลูกด้วยว่ากำลังจะทำอะไร เช่น เช็ดหน้า เปลี่ยนผ้าอ้อม ควรทำซ้ำๆทุกวัน ช่วยให้ลูกแยกความแตกต่างระหว่างกลางวันกับกลางคืนได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือ ควรพาลูกออกจากห้องนอนมาอยู่ห้องอื่นแทน หลังตื่นนอน
2) ปรับเวลานอนกลางวันและทำกิจกรรมให้มากๆ
o นอนกลางวันก็ต้องเป็นเวลาเช่นกัน ไม่ควรปล่อยให้ลูกนอนกลางวันมากเกินไป
o แบ่งเวลานอนกลางวันของลูกออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าหลัง 9 โมง ช่วงเที่ยงหรือบ่าย (ดูตารางตามช่วงอายุ)
o หลัง 5 โมงเย็น ไม่ควรปล่อยให้ลูกนอนแล้ว เพราะจะส่งผลต่อการนอนตอนกลางคืน
o ช่วงครึ่งวันเช้า ควรทำกิจกรรมท่ามกลางแสงอาทิตย์ เช่น พาไปเดินเล่นนอกบ้าน เพราะแสงอาทิตย์ในช่วงเช้า จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้รู้สึกง่วงนอนตอนกลางคืน
o ช่วงกลางวัน ชวนลูกทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกาย จะทำให้ตอนกลางคืนหลับง่ายขึ้น เช่น ร้องเพลงให้ลูกขยับแขนขา ปล่อยให้ลูกได้คลานหรือเดิน
o เทคนิกสำหรับแม่ fulltime จากคุณแม่ญี่ปุ่นที่พาลูกเข้านอนตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ปกติคุณแม่ส่วนใหญ่ใช้เวลาที่ลูกหลับทำงานบ้าน แนะนำทำงานบ้านตอนที่ลูกตื่น โดยอุ้มลูกไว้ข้างหลัง พอลูกนอนกลางวัน คุณแม่ก็นอนพักไปด้วย ฟังดูทุลักทุเล แต่จริงๆแบบนี้สบายกว่าต้องมานั่งเล่นกับลูกซึ่งยังพูดไม่ได้ ไม่ต้องคอยหาเรื่องคุย เพราะจะคอยบรรยายให้ลูกฟังว่ากำลังทำอะไรอยู่ แถุมได้นอนกลางวันด้วย ผลก็คือ ลูกนอนยาว ไม่มีตื่นร้องไห้ตอนกลางคืน และตื่นเช้าประมาณ 6 โมงครึ่งได้โโยไม่งอแง
3) ทำให้ 30 นาทีก่อนนอนเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น
o หลังจากอาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนชุดนอนแล้ว ใช้เวลา 30 นาที พาลูกเข้านอน 2 ทุ่ม
o เปิดไฟสลัวในห้องนอน หรือเปิดไฟส้ม
o ใช้เวลาอยู่กับลูก ถ้าลูกเล็ก ก็ให้ดูดเต้า โอบกอดสัมผัสร่างกายกัน ถ้าลูกโตแล้ว ให้อ่านนิทาน วาดรูป หรือถ้าพูดได้แล้ว ก็คุยกับแม่ว่าวันนี้ได้ทำอะไรมาบ้าง แล้วก็ชมสิ่งที่ลูกทำได้ดี
o ห้ามดู TV เปิดคอมพิวเตอร์ หรือเล่นโทรศัพท์มือถือเด็ดขาด
อยู่กับลูกจริงๆ อย่าใจลอย ลืมเรื่องงาน เอาใจใส่ลูกให้เต็มที่
Cr: Baby sleep training ฝึกลูกนอนยาวสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น
===========================================
หมออร พญ.กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อ คุณแม่มือใหม่ และวิทยากรเกี่ยวกับแม่และเด็ก
♥♥ SUBSCRIBE ♥♥
/ @mskansuda
♥♥ Let's Connect ♥♥
Facebook: / hormoneforkids
Line ID: @hormoneforkids line.me/ti/p/@oib5932k