No video

ตัวตนของเราคืออะไร? หนึ่งในปัญหาใหญ่แห่งโลกปรัชญา

'ตัวตนของมนุษย์แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน' เป็นเรื่องพื้นฐานที่ดูเผินๆไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่หากลองพิจารณาอย่างลึกซึ้งในมุมมองเชิงปรัชญาจะพบว่าการพยายามตอบให้ได้ว่าตัวตนของเราคืออะไรนั้น กลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
....................
หากท่านสนใจที่มาที่ไปของคณิตศาสตร์
แนะนำ หนังสือ ภาษาจักรวาล : ประวัติย่อของคณิตศาสตร์
ผมเขียนบอกเล่าที่มาที่ไปของคณิตศาสตร์แบบเข้าใจง่ายๆ
.
ราคา 330 สั่งทาง line (ลด 5%)
shop.line.me/@...
.
หรือทาง shopee และ lazada (ลด 5 %)
.
shopee
shopee.co.th/p...
.
lazada
www.lazada.co....

Пікірлер: 311

  • @user-ti5rm3su9m
    @user-ti5rm3su9m Жыл бұрын

    บางครั้งผมก็คิดนะคับ ว่าคนเรานั้นเกิดมาทำไม ทุกคนก็จะตอบว่าตามหาความฝัน ทำนู่นทำนี่ บลาๆ แต่ถ้าลองมองออกไปกว้างๆหน่อยก็จะพบว่า ทำไปเพื่ออะไร สุดท้ายก็ต้องตายจากไป ถ้าเกิดคนเราไม่มีจุดมุ่งหมายแล้วเราจะใช้ชีวิตเพื่ออะไรทนลำบากทำไม มนุษเราคืออะไรกันแน่มีหน้าที่อะไรสำหรับจักวาล

  • @Obivionz

    @Obivionz

    Жыл бұрын

    ผมคิดแบบนี้เลย ไปเล่าให้คนอื่นฟังเค้าบอกผมเป็นซึมเศร้า คือแบบ ก็สุดท้ายก็ตายป่ะวะ ไม่มีภาระอะไรแล้วก็อยากพัก อยู่ไปดิ้นรนจนสุดแรงไปก็เปลี่ยนอะไรในจักรวาลนี้ไม่ได้สักนิด

  • @silawunwisa5659

    @silawunwisa5659

    Жыл бұрын

    ถ้าตอบตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตแบบไม่มีปรัชญามาเกี่ยวข้องคือ ดิ้นรนเพื่อสืบพันธุ์ครับ ทุกสิ่งมีชีวิตใช้หลักการนี้หมด ผิดแค่มนุษย์วิวัฒนาการจนความคิดมันซัพซ้อนเกินไป แต่ถ้ามองธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตก็เพื่อสืบพันธุ์ส่งต่อรุ่นต่อไปแค่นั้นเอง

  • @iamchamp_2x

    @iamchamp_2x

    Жыл бұрын

    ใช่ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ ลองคิดหน่อยมา คุณมีโอกาสได้เกิดมาแล้ว อย่าทำให้มันสูญเปล่าเลย ใช้ชีวิตเผื่อคนที่เรารัก และคนที่รักเรา

  • @aunelm7086

    @aunelm7086

    Жыл бұрын

    ผมเคยคิดครับ แบบนี้ครับ เกิดมาทำไม จะแชร์คำตอบนะครับ ตัวเรามีจิต ที่เป็นพลังงาน ขับเคลื่อนอยู่ในร่างกายของเรา จิตนี่เอง มีระดับความสั่นสะเทือนที่เรียกว่าคลื่นความถี่ ที่ตรงกับโลก จึงทำให้เราเกิดบนโลกนี้ แต่ถ้าเรา ในฐานะชีวิตหนึ่งที่เกิดมา ถ้าเราพัฒนาจิตให้มีคลื่นความสั่นสะเทือนที่สูงกว่าุคลื่นที่โลกมี เราก็จะไม่ได้เกิดบนโลกนี้ แต่ไปเกิดที่มิติอื่น ที่มีคลื่นความถี่ที่ตรงกับดวงจิตของเรา จึงสรุปได้ว่า เราเกิดมาเพื่อพัฒนาจิตใจ ให้สูงขึ้น เมื่อจิตใจเราประเสริฐขึ้น คลื่นความถี่ก็จะปรับเปลี่ยนไปด้วย เมื่อเราตายจากโลกนี้ไป จิตของเราก็จะไปในมิติที่ตรงกับความถี่สุดท้ายที่เราได้สร้างไว้ให้จิตใจของเรา

  • @mercyocean1554

    @mercyocean1554

    Жыл бұрын

    มีคนคิดแบบคุณมาทุกยุคทุกสมัยครับจนได้แนวคิดต่างๆมากมาย สำหรับผมก็มีแนวคิดแบบคุณตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนมาศึกษาพุทธศาสนาจากเดิมเป็นคนไม่ศรัทธาศาสนาตอนนี้ได้พบเป้าหมายชีวิตและพอจะทราบคำตอบแบบลางๆว่าเกิดมาทำไม

  • @Ssaaddooww
    @Ssaaddooww Жыл бұрын

    ตัวตน และสิ่งต่างๆ. ศาสนาพุทธ เรียกว่า..ขันธ์ห้า.. ,มันเป็นแค่ภาพลวงตา ที่สร้างขึ้นจากความคิดเท่านั้น..รวมทั้งกาลเวลาด้วย..หาได้มีอยู่จริงไม่..เมื่อเราไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เป็นภาพลวง..ว่าเป็นตัวเป็นตน..มีตัวมีตนจริงๆ..เราก็ย่อมจะเป็นทุกข์..การเข้าถึง เข้าใจในสิ่งนี้จริงๆ และหลุดพ้นจากมันได้..พ้นจากความเข้าใจผิด และภาพลวงตานี้ได้ ..เรียกว่า..ปรมัตถ์สัจจะ..คือความจริงสูงสุด..ยากที่ปุถุชนจะเข้าใจได้..มันคือการเข้าสู่..อนัตตา..คือความไม่มีอะไรเลย..ไม่มีตัวตนอะไรเลยนั้นเอง.. ..นี่คือแก่นแท้ของ..ศาสนา..เป็นพื้นฐาน รากเหง้า จุดสำคัญ วัตถุประสงค์ที่แท้จริง..เป็นความรู้สูงสุด ที่ศาสนาที่แท้จริง ต้องการขะพรีเซนต์ และสั่งสอนมนุษย์.. ..(สิ่งนี้ กำลังถูกพิสูจน์ว่าเป็นความจริงแท้ ในโลกวิทยาศาสตร์..ในทฤษฏีควอนตั้ม..นั่นเอง...คือเมื่อสืบค้นจนลึกลงไปจริงๆ..ทุกสิ่งทุกอย่าง มันไร้ตัวตน รวมทั้งกาลเวลาด้วย..นี่คือโลกวิทยาศาสตร์กำลังเจาะลึกลงไปสู่ความรู้ในระดับ..จิต..และมันเชื่อมโยง สอดคล้องกับ ศาสนาอย่างน่าประหลาด..)

  • @korninsao

    @korninsao

    Жыл бұрын

    จิตไม่เหมือนควันตั้มเพราะจิตไม่ใช่อนุภาคหรือคลื่น

  • @paralyzed4648
    @paralyzed4648 Жыл бұрын

    ไม่มีหรอกตัวตน เราสมมุติตัวเองขึ้นมาเอง แล้วก็หลงกับสิ่งที่ตัวเองสมมุติ

  • @bttrflyfx7905
    @bttrflyfx7905 Жыл бұрын

    ศาสนาพุทธอธิบายไว้ละเอียดเลยครับ ตัวอย่างคือ หากเรามีน็อต มีอะไหร่ มีเครื่องยนต์ เอามาประกอบกัน เราก็ตั้งชื่อให้มันว่ารถยนต์ กลับกันหากเราแยกชิ้นส่วนรถยนต์ออกทีละชิ้น อย่างละเอียดแล้ววางไว้ตรงนั้น แล้วถามอีกว่านั่นใช่รถยนต์ไหม ถ้าคำตอบคือไม่ แสดงว่าคำว่ารถยนต์ไม่มีตัวตน หรือ อนัตตานั่นเอง เมื่อเราคิดว่าเรามีอยู่ ก็จะเกิดทุกขัง ที่เราสัมผัสได้ และสุดท้ายคืออนิจจัง เรื่องที่ว่าวันนึงอวัยวะของเราร่างกายเรา ก็ต้องสลายไปในที่สุด ละลองคิดอีกมุมว่า สมมติเรามองโลกเราต้องแต่ โลกเกิดขึ้นมา จนถึงโลกสลายไป แล้วถามว่า คุณคือใคร คำตอบนี้ก็จะตอบได้แค่ว่า เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่บังเอิญเกิดขึ้นมาแล้วสลายไป เหมือนไม่มีอยู่เลยนั่นเอง

  • @user-zt5ud5yc7s

    @user-zt5ud5yc7s

    Жыл бұрын

    คุณคิดว่าชีวิตคืออะไรตัวตนคืออะไร

  • @bttrflyfx7905

    @bttrflyfx7905

    Жыл бұрын

    ในความคิดของผมนะครับ อันนี้ไม่ได้อ้างอิงใคร ชีวิตก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เรา คิดว่ามันมีอยู่ แต่จริงๆมันเป็นแค่สิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา ตัวอย่างเหมือนป่าที่ไฟไหม้จากธรรมชาติ หากมีความร้อนที่มากพอ ความแห้งที่มากพอ ก็มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ มีชีวิตก็เหมือนกับไฟที่ว่า หากสภาพแวดล้อมมีความเหมาะสม ก็อาจจะก่อให้เกิดชีวิตขึ้นได้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าธรรมชาติ และไฟเมื่อลุกขึ้นได้ ก็ดับลงได้ หากความเหมาะสมหรือปัจจัยที่จำเป็นต่อไฟไม่มากพอ ไฟก็เกิดและหายไปได้ ส่วนตัวตนก็เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามันมีอยู่เช่นกัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้เป็นเจ้าของของสิ่งที่ผมมี ผมไม่ได้เป็นเจ้าของร่างกายนี้ ไม่มีใครเป็นเข้าของร่างกายผม ยกตัวอย่างเช่นร่างกายผมที่ผ่านไปอีกสัก 100 ปี หรือ 1000 ปี หรือสลายหายไป ก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของทั้งนั้น ทุกอย่างคือธรรมชาติ

  • @bttrflyfx7905

    @bttrflyfx7905

    Жыл бұрын

    @@user-zt5ud5yc7s ผมไม่ได้บอกว่าความของผมถูกนะครับ😊 แต่ผมเชื่อว่า วิทยาศาสตร์ พุทธศาสนา และธรรมชาติ มีเหตุผลที่ไปกันได้และสอดคล้องกันอย่างลึกซึ้งครับ ไม่ได้บอกว่าให้เชื่ออนัตตาที่ว่าเราไม่มีตัวตนมากขนาดนั้น เพียงแต่เรานำมาปรับใช้ เพื่อปรับลำดับความคิดและจัดการปัญหาต่างๆได้ในชีวิตได้ครับ ธรรมะอื่นๆก็เช่นกัน

  • @kbguerilla
    @kbguerilla Жыл бұрын

    การ์ตูนเรื่องนั้นชื่อเรื่อง Gunnm (อ่านว่ากันมุ) ครับ Last order เป็นชื่อภาค ถูกเอามาทำเป็นหนังฮอลลีวูดปี 2019 ในชื่อ Alita : The battle angel ตามชื่อในตลาดต่างประเทศ ตัวหนังทำออกมาได้ดีระดับนึงเลยแฟนๆก็รอภาคสองกันอยู่ มีอนิเมะหรือมังงะอีกเรื่องนึงที่สามารถหนิบยกมาอธิบายเรื่องนี้ได้ดีเลยคือ Ghost in the shell

  • @pattanatlerdchaikun5846
    @pattanatlerdchaikun5846 Жыл бұрын

    "เพราะฉันคิด ฉันจึงมีอยู่" นั่นแปลว่าตัวตนคือความคิดเป็นนามธรรม แต่ในความจริงความคิดหรืออารมณ์(นามธรรม)ก็เปลี่ยนเช่นกันทุกวันทุกเวลา เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเป็นตัวตน รูปธรรมก็เปลี่ยนรูป ย่อยสลาย ทุกวันเวลา นามธรรมก็เปลี่ยนแปลง ความคิดเปลี่ยนอารมณ์ปรวน ตลอดเวลา และเมื่อ รูปธรรม+นามธรรม ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน มีเพียงแค่รูป+นาม ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงธาตุต่างๆ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน แข็ง อ่อน ดำ ขาว เย็น ร้อน ดัง เบา เข็ม ฉุน แจ่มใส มืดมน มาประกอบกันเข้าแล้วแปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย

  • @chainiwatwiboonaut6669
    @chainiwatwiboonaut66696 ай бұрын

    เกิดมาเพื่อตอบสนองความหลง ความเข้าใจผิด ความคิดว่าเรามีตัวตน เราสำคัญ เรายิ่งใหญ่...ที่ใหนได้เราแทบไม่ได้มีตัวตนเลย ในความเป็นจริง..

  • @vegetatoriyama2155
    @vegetatoriyama2155 Жыл бұрын

    อยากให้อาจารย์พูดเรื่องทฤษฎีเกม (Game Theory) หน่อยครับ

  • @patch3813

    @patch3813

    Жыл бұрын

    +1 ครับ

  • @mycustomchannel6988
    @mycustomchannel6988 Жыл бұрын

    เรามีอัลกอริทึมเหมือนกัน ส่วนลักษณะภายนอก หรือพันธุกรรม เป็นผลมาจากประสบการณ์ สุดท้ายเราทำงานให้ เผ่าพันธ์ครับ

  • @diethealthsupporters1427
    @diethealthsupporters1427 Жыл бұрын

    เรา ตัวตนเรา ตามภาษาปากมนุษย์ เป็นแค่ ความคิด ให้ค่า ตามภาษาที่เราสมมุติขึ้น มันคือกับดักจากภาษา เกิดเป็นความคิด ถ้าเราไม่คิด หรือคืดเป็นถาษาไม่ได้ ตัวตนใดๆ ที่เราคิด เข้าใจว่ามีอยู่ .จะยังมีหรือไม่ หรือแค่ ชีวะจักรกล ที่ทำหน้าที่ไปตามระบบธรรมชาติ .. กิน ขี้ ปี้ นอน เพื่อสะสมพลังงาน เพื่อส่งต่อพลังงาน(เป็นอาหาร)ในห่วงโซ่อาหารของระบบธรรมชาติ เจ็บป่วย และตาย . สิ้นสุดวงจรในการปรากฏบนโลก.

  • @tanarot5465
    @tanarot5465 Жыл бұрын

    ตัวตนเราเหมือนหัวหอม ไม่มีแก่นแท้ ยิ่งปลอกลึกลงไปยิ่งเจอแต่เนื้อชั้นใหม่เรื่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ - Friedrich Nietzsche

  • @smartphonesamsung9243
    @smartphonesamsung9243 Жыл бұрын

    ไม่มีตัวตนที่คงอยู่ เที่ยง สืบทอด ตัวตนเปนแค่ความรู้สึก มีคนค้นพบมานานแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีผู้เอาวิธีไปทำตามแล้วพบความจริงตรงนี้ได้อยู่ เมื่อประจักษ์ได้ด้วยตัวเองแล้วว่าไม่มีตัวตน ก็ไม่มีความจำอันใดต้องมาค้นคิดตามหลักปรัชญาอะไรอีกว่าตัวตนคืออะไร การคิดมีข้อจำกัด เหมือนคนที่ไม่เคยกินสตรอเบอรี่ ให้มีข้อมูลมากมายเท่าใด คิดให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางประจัษ์ได้ว่าสตรอเบอรี่รสชาติเปนเช่นไร ดังนั้นการคิด คิดไปจนถึงได้ข้อสรุปก็ไม่ทำให้ประจักษ์ได้ด้วยตนเอง การคิดในสิ่งซึ่งไม่มีอยู่จริงจึงเปนไปเพียงเพื่อสนองความอยากในการคิด ที่มีอยู่ใจเท่านั้นเอง

  • @intrendmobile4080
    @intrendmobile4080 Жыл бұрын

    ลองพิจารณาตามกฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ก็ได้ครับ ไม่ได้บอกว่ากฎข้อนี้คือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่อยากบอกว่า มันเป็นประตูบานหนึ่งที่เปิดไปสู่อาณาจักรความรู้อีกอย่างหนึ่ง..ต่างหาก

  • @saksitwathanapanich5893
    @saksitwathanapanich5893 Жыл бұрын

    มีคำถามเกิดขึ้นอีกมากมายเกี่ยวกับสรรพสิ่งต่างๆรอบตัวเรารวมทั้งตัวเราที่เกิดมาและสรรพสิ่งในเอกภพ-จักรวาล มีกลไกผูกพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ หากจะหาคำตอบที่เป็นเชิงวิทยาศาสตร์-ปรัชญาก็คงเทียบง่ายๆว่าคุณกำเม็ดทรายที่ชายหาดมาหนึ่งกำมือแล้วอยากทราบว่ามีกี่เม็ดคุณคงจะพอนับได้ แต่ถ้าอยากทราบว่าถ้าเอาขันมาตักทราย 1 ขันก็ต้องใช้เวลานับนานพอสมควร แต่เอาถังมาตักทรายคงยากเกินกว่าจะตอบได้และถามว่าจะได้อะไรจากการอยากรู้คำตอบเหล่านั้น ยิ่งคิดยิ่งเข้าใจในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทุกสิ่งล้วนเป็นภาพมายาทั้งสิ้นไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยแม้แต่จิตของเราท้ายสุดของการเข้าสู่นิพพานท่านก็ให้ปล่อยวางจิตให้ดับและทำลายตัวรู้ทั้งสิ้นไม่ให้เหลือสิ่งใด ผมเองก็เคยอยากรู้ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งต่างบนโลกและจักรวาลนะครับว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรเกิดได้อย่างไรดับสลายแล้วจะไปไหนเฝ้าถามเฝ้าคิดทุกวันก็ไม่พบคำตอบจนปัญญาท้ายสุดก็มาได้ข้อสรุปว่าไม่ต้องไปศึกษาหรือดูสิ่งอื่นไกลเลย ดูตัวเองนี่แหละคือตัวแทนของโลกและจักรวาลและเป็นศูนย์รวมแห่งความมหัศจรรย์อันล้ำลึกที่เราไม่สามารถสร้างมันได้ด้วยมือแต่สามารถควบคุมให้มันเคลื่อนไหวทำงานให้เราได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ด้วยจิตของเราเอง ดังนั้นผมว่าเรามาศึกษาจิตของเราเองด้วยการอบรมจิตนวดจิต หรือที่เรียกกันว่าการภาวนา ผมว่าน่าจะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เกิดปัญญาที่จะไขความลับต่างๆในจักรวาลนี้ได้ ครับ เพื่อนๆคิดเหมือนผมไหมแชร์ความรู้ประสบการณ์ให้ฟังกันหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

  • @karnpanithi5190
    @karnpanithi5190 Жыл бұрын

    คนมีความรู้ไม่ต้องมียศ ด็อกเตอร์ แต่อธิบายได้ง่ายแล้วน่าฟังมากๆ

  • @abcxyz819
    @abcxyz819 Жыл бұрын

    เราเกิดมาเพื่อสั่งสมบารมี เพื่อเอาไปใช้ในชาติอื่นต่อไป เคยสังเกตุไหมทำไมบางคนถึงมีพรสวรรค์สุดๆ เช่น อาจารย์ถวัลย์ดัชนี ตอนเด็กก็สามารถวาดทุกอย่างที่เห็นได้แล้ว

  • @Giginaja54321
    @Giginaja54321 Жыл бұрын

    ชอบฟังคุณ ปป ค่ะ ทั้งฟิสิก ทั้งปรัชญา พูดได้น่าสนใจ

  • @rnuir
    @rnuir Жыл бұрын

    ตัวตนที่แท้จริงขึ้นอยู่กับอันไหนที่ทำให้เปลี่ยนความเป็นตัวตนดี้งเดิมได้ยากที่สุด ตัวตนไหนที่รักษาความเป็นเอกลักษณ์ได้นานที่สุด เปรียนเสมือนกลุ่มชนเผ่ากลุ่มเดียวกันแต่แยกเป็นสองกลุ่มเวลาผ่านไปห้าร้อยปีกลุ่มไหนรักษาเอกลักษณ์ได้มากกว่ากันย่อมเป็นตัวตนของกลุ่มนั้น เอกลักษณ์แบ่งเป็นจับต้องได้และจับต้องไม่ได้อย่างละครึ่งและเมื่อเปรียบเทียบต้องเอามารวมกันและหาว่าอันไหนยังมีค่ามากสุด

  • @JohnzBig
    @JohnzBig Жыл бұрын

    ปรัชญาของเดการ์ตเลย ตอนนี้เรียนป.โท ด้านปรัชญาอยู่ บอกเลยว่า ลึกลับมาก

  • @programmer5060

    @programmer5060

    Жыл бұрын

    น่าสนใจครับ

  • @artoffly3451
    @artoffly3451 Жыл бұрын

    ตัวของเราประกอบด้วย จุลชีพ (ชีวิตตัวเล็กๆ) มากกว่า 50ล้านล้านชีวิต(50,000,000,000,000) เซลผิวหนังก็เป็นสิ่งมีชีวิต เซลเม็ดเลือด แดง ขาว ก็เป็นสิ่งมีชืวิต เซลสมองก็เป็นสิ่งมีชีวิต สมองมีเซลมากกว่า 2แสนล้านเซล (200,000,000,000)ใครมีผู้นำมี84000เซลเสียใจด้วยนะโคตรจะโง่ ข้อพิสูญเซลแต่ละเซลมีชีวิตคือ การโคลนิ่ง เราเอา เซลพวกนี้ฉีดไปในไข่เพศเมียก็สามารถก่อเกิดชีวิตได้ เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้น มีDNA เป็นเหมือนคู่มือว่าจะสร้างตัวแบบไหนทำหน้าที่อะไร เซลเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่เหมือนรถบรรทุกส่งสารอาหารออกซิเจน เซลเม็ดเลือดขาว เป็นตำรวจ ทหาร ในเซลก็ยังมีอะตอมของธาตุต่างๆรวมเป็นโปรตีนชนิดต่างๆอีก ความรู้โบราณบอกว่า ร่างกายประกอบด้วยธาตุทั้ง5 ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ แท้จริงแล้ว มีธาตุ Hไฮโดนเจน O ออกซิเจน H2O ประกอบเป็นน้ำ มีเหล็ก สังกะสี คาบอน ไนโตเจน แคลเซียม ฟอสฟอลรัส ฯลฯ เกิน5ธาตุแล้ว ร่างกายของเราคือ การร่วมมือกันของ จุลชีพเพื่อการอยู่รอด และขยายพันธุ์ เหมือนคนหลายคน รวมกันเป็นประเทศ เซลสมองของเราแต่ละเซลทำงานเหมือน ทรานซิสเตอร์เซลสมองแต่ละเซลยังติดต่อกันด้วยไฟฟ้าอีก ไอ้ที่เรียกว่าจิตวิญญาณของเรา แท้จริงเราคือ AI ของจุลชีพ โปรแกรมหลักคือ หมึงเอาตัวให้รอด สืบพันธุ์ด้วย เป็น วิทยาศาสตร์ พอปะ

  • @kln002

    @kln002

    Жыл бұрын

    ยีนเห็นแก่ตัว

  • @alienfrommars8060

    @alienfrommars8060

    Жыл бұрын

    อธิบายได้เห็นภาพรวมชัดเจนมากครับ

  • @k9.psyberpunk
    @k9.psyberpunk Жыл бұрын

    ไม่ต้องรออีกเป็นร้อยๆปี เราเปลี่ยนอวัยวะอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วตั้งแต่แรก ทีละนิด ทีละเล็กๆ จนไม่ได้ไปสนมัน และคอนเซ็ปต์ที่ว่า ร่างกายแบกอยู่ คือ จิต ดั่งที่ว่าเลยครับ พุทธศาสนา หากตัดเรื่องที่แต่งเติม แล้วไปตีความอภินิหารอะไรกันเรื่อยเปื่อย จะเจออะไรเยอะมาก

  • @S13E31
    @S13E31 Жыл бұрын

    เมื่อมีแสงมันก๊เกิดเงา เกิดภาพ เกิดเสียง เกิดเวลา เกิดสิ่งมีชีวิต และเกิดความคิด...❤️..เราคือแสงหน้าที่พวกเราและสัตร์พืชคือเชื้อเพลิงไม่ไห้แสงมอดดับ

  • @korninsao

    @korninsao

    Жыл бұрын

    เราไม่ใช่แสงแต่เราคือจิตธาตุรู้

  • @guygigi2259
    @guygigi2259 Жыл бұрын

    ตัวตนของเราน่าจะมีอนันต์นะครับ เพราะตัวตนของเราถูกสร้างและจัดเก็บเอาไว้ในสมองของสิ่งมีชีวิตอื่นได้ด้วย ดังนั้นเรือของทีเซียสเมื่อถูกค่อยๆสลับสับเปลี่ยนชิ้นส่วนไป สำหรับบางคน เช่นคนที่เคยเห็นเรือนี้ในอดีต หากมาเห็นอีกทีตอนที่อะไหล่ทุกชิ้นถูกเปลี่ยนไปหมดแล้ว นั่นก็จะไม่ใช่เรือลำเดิมสำหรับเขาอีกต่อไป แต่สำหรับลูกเรือที่อยู่กับเรือลำนั้นมาตลอด มันก็จะยังคงเป็นเรือลำเดิมตลอดไป สำหรับเคสของกัลลี่น่าจะเกิดเป็นอีกหนึ่งตัวตนขึ้นมาเท่านั้นเอง

  • @Kid-nw6tj
    @Kid-nw6tj Жыл бұрын

    เราอาจจะเกิดมาเพื่อเรียนรู้ จดจำ และลืมหรือสร้างสิ่งต่างๆ ไว้ให้โลกใบนี้เพื่ออนาคต ที่มันก็คงจะ loop แบบนี้ต่อๆไป หากคิดแค่นั้นมันคงน่าเศร้า ทั้งๆที่หากเราใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท มอบสิ่งดีๆให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สุดท้ายแล้วหากเราอาจตายได้ด้วยความโชคร้ายหรืออะไรก็ตามแต่ สิ่งที่เป็นปัจเจคอย่างผู้คนอื่นที่ไม่สามารถพรากจากเราไปได้คือ สิ่งที่เราได้สร้างและเก็บเกี่ยวมันมาในหนึ่งช่วงชีวิตที่มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นเจ้าของมัน❤

  • @user-gh2qp4hi2b
    @user-gh2qp4hi2b Жыл бұрын

    ตัวตนของเรานั้นคืออะไร ตัวตนของเรานั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีที่มาอย่างไร ที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีที่มาจากการที่ิสิ่งนั้นใช้สิ่งรอบข้างมาเป็นพลังงานของตัวเอง นี่คือที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตตามหลักวิทยาศาสตร์ แล้วมันมาเกี่ยวกับตัวตนของเราอย่างไร ตัวตนของเราก็เหมือนจิตหนึ่งแล้วมากระทบวัตถุแล้วพยายามเกาะและยึดวัตถุนั้นให้เป็นรูปร่าง เมื่อยึดวัตถุรอบข้างมาได้เป็นรูปร่างแล้ว สิ่งนี้เรียกว่าสิ่งมีชีวิต คือ การดึงพลังรอบข้างมาเป็นของตัวเอง ทำให้ผู้นั้นมีตัวตนขึ้นมา หากเปรียบเทียบร่างกายของคนเราคือเรื่อเดินสมุทร เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไปเรือลำนี้เปลี่ยนอะไหล่ทุกชิ้น เรือลำนี้ยังเป็นตัวตนของเรือลำนี้อยู่หรือไม่ และชีวิตของคนเราเมื่อดึงพลังงานรอบข้างของตัวเรา ให้เป็นตัวตนของเราจนเราโตขึ้นมา พลังงานที่เราดึงมาเป็นของตัวเองตามวิทยาศาสตร์และวัตถุที่เรายึดมาเป็นรูปร่างตามหลักปราชญา การทำเช่นนี้ เรายังเป็นตัวตนเดิมของเราอยู่หรือไม่ มีคำตอบหลายแนวทาง แต่มีอยู่ทางหนึ่งเป็นข้อคิด มีชายคนหนึ่งได้วาดภาพสวยงามที่สุดภาพหนึ่ง แม้ต่อมาเมื่อมีคนคัดลอกภาพนี้ แต่คนที่ได้เห็นก็รู้ว่าเป็นภาพของคนแรก นึกถึงคนแรกที่เขียน แม้ภาพที่เขียนนั้นจะมีคนล้อเลียนก็จะรู้ว่าเป็นภาพแรกที่เขียน ตัวอย่างเช่น รูปพระเยซู พระพุทธเจ้า หรือผู้นำจิตวิญญาณต่าง ๆมีเป็นร้อยเวอรืชั่น เมื่อมีคนเห็นทุกคนก็จะรู้ว่าเป็นใคร ดังนั้น ตัวตนของเราคืออะไร จิตวิญญาณหรือรูปร่างของเรา การดึงพลังงานรอบข้างหรือการยึดวัตถุรอบข้างให้มีตัวตน หมายถึง สิ่งที่ใช้พลังงานกินสิ่งที่ใช้พลังงานด้วยกัน สิ่งมีชีวิตดึงพลังงานรอบข้างมาเป็นของตัวเอง สิ่งมีชีวิตกินสิ่งมีชีวิตด้วยกันเอง สิ่งมีชีวิตกินสิ่งรอบข้าง นั่นคือ การยึดติดรสชาตินั้น แม้แต่ผักก็ยังดึงพลังงานรอบข้างมาเป็นของตัวเอง

  • @Phuwalit
    @Phuwalit25 күн бұрын

    ตัวตนของเรา ไม่ใช่กายหยาบ (ทารก ยันชรา) ไม่ใช่ความคิด (ทั้งแบบที่มีเหตุ มีผล หรือฟุ้งซ่าน) ไม่ใช่ความรู้สึก(รัก,โลภ,โกรธ, หลง, กลัว หรือแม้กระทั่ง สุข) แต่ตัวตนของเราถูกซ่อนในที่โล่งแจ้ง ที่เราข้ามไปข้ามมา นั่นคือ ”การรับรู้“ การรับรู้ เป็นตัวตนที่แท้จริงของเราที่ถูกซ่อนอยู่ทุกสถานการณ์ ทุกผัสสะของร่างกาย ทุกความรู้สึกนึกคิด ตัวตนของเราถูกปิดกั้นด้วยความเชื่อต่างๆ การจะเห็นตัวตนได้ชัดเจน เราต้องตัดทุกสิ่งอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดออกไป แม้กระทั่งกาลเวลาที่ล่วงเลยมาในอดีต หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้มา Focus พิจารณาตัว “รับรู้” ในขณะนี้ ปัจจุบันนี้ นั่นแหละตัวตนของเรา ❤️❤️❤️

  • @kuyaraimakmai8684
    @kuyaraimakmai8684 Жыл бұрын

    แปลกดีครับ ผ่านมากี่ร้อยกี่พันปี-เทคโนโลยีขนาดนี้ สุดท้ายเรื่องตัวเราเองเเท้ๆ ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่คลี่คลาย

  • @sorndetkalasin9706
    @sorndetkalasin9706 Жыл бұрын

    นึกถึงการดื่มเหล้าเลย กินเหล้าผสมโซดา ถ้าเติมโซดาให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วจุดไหนคือ ไม่ได้กินเหล้า

  • @Nosolo021
    @Nosolo021 Жыл бұрын

    อาจารย์ช่วยแจกแจงวลีที่ว่า “เพราะฉันคิดฉันจึงมีอยู่” ของเรนเนอร์ ในทางวิทยาศาสตร์ให้ฟังทีครับ

  • @lennalir.4922
    @lennalir.4922 Жыл бұрын

    ถ้าเป็นแบบ Constance น่าจะเรียกพวกแร่ธาตุบริสุทธิ์ที่ใกล้เคียงหรือเท่ากับ 100% ที่ไม่มีจำนวนหรือขนาดระบุ

  • @SurapholKruasuwan
    @SurapholKruasuwan Жыл бұрын

    ตัวตน คือ? 1.สังขารธรรม ขบวน การปรุงแต่ง ของธรรมชาติ . 2.ตัวตน คือ ขันธ์ห้า คอมพิวเตอร์ ชีวภาพ . 3.ตัวตน คือ ความรู้สึก ว่าเรามีอยู่ . 4.ตัวตน คือ มายาการ แสดง บนเวทีโลก หมดเวลา ก็ จากไป . มองตัวตน แบบ นักวิชาการ กับ แนวปรัชญา พุทธเจ้า . ขอบคุณครับผม

  • @user-uq5hm9uj9f
    @user-uq5hm9uj9f Жыл бұрын

    ตัวตนของเราก็คือ *ดวงจิต* มีองค์ประอยู่สองอย่าง คือกายกับใจ ระหว่างกายกับใจมีสมองเป็นตัวเชื่อม เมื่อกายกับใจรับสัมผัสย่อมก่อเกิดปฏิกิริยาเกิด-ดับ แต่สมองบันทึกจดจำไว้ บางครั้งกายปฏิบัติตามใจในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเราสำนึกตัวว่าผิดพลาดไป *สำนึก* นั่นแหละคือดวงจิตหรือ *ตัวตนของเรา*

  • @sittisakpk-vs6up
    @sittisakpk-vs6up Жыл бұрын

    พอเทียบกับจอมปลวกแล้ว ผมได้จินตนาการไปต่อว่า มนุษย์ทุกคนคือคนคนเดียวกันตัวตนเดียวกันในอีกมิตินึง ที่เราเกิดมาอาจเป็นเพราะตัวเราเองในอีกมิติ ต้องการจะเรียนรู้ว่าถ้าได้เป็นสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไร ได้เกิด ได้แก่ ได้เจ็บ ได้ตาย ได้วิวัฒนาการ ได้มีความรู้สึก มันจะแตกต่างจากตัวตนจริงๆที่ไม่มีเกิดแก่เจ็บตายเป็นอย่างไร สาเหตุที่มนุษย์ไม่มีใครเหมือนกันเลย เพราะตัวตนอีกมิติต้องการรับรู้หลายทาง

  • @d3mith199
    @d3mith199 Жыл бұрын

    เรือของธีเซียสได้ยินครั้งแรกจาก​ซีรี่ย์วานด้า ฉากวิสชั่นสองตัวคุยกัน คำตอบของในซีรี่ย์​คือทั้งใช่และไม่ใช่ ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อย​เข้าใจ​ 😆

  • @weeraphat_sochalee
    @weeraphat_sochalee Жыл бұрын

    อัลฮัมดุลิลละห์ ตั้งแต่เชื่อว่ามี่พระเจ้าอยู่จริงเรื่องอะไรก็ดูง่ายไปหมด เรื่องตัวตนนี้ก็เช่นกัน คือเรามีตัวตน และเราคือวิญญาณส่วนร่างกายนี้เป็นเพียงแค่ภาชนะ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวตนเรา ให้เปลี่ยนไปแค่ไหนเราก็คือเรา และเรื่องแนวความคิดก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของเรา เหมือนกับกระดาษที่ถูกว่าเขียนที่ในตอนแรกอาจดูเหมือนกับสิ่งหนึ่งแต่พอผ่านไปก็จากเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง ส่วนเรื่องไซบอร์กกับหุ่นยนต์ก็ตัดสินได้ง่ายๆคือสิ่งไหนมีวิญญาณสิ่งนั้นก็คือตัวตนที่แท้จริง แต่อย่างไงซะหุ่นยนต์ก็ไม่มีทางเป็นมนุษย์ได้ มันไม่มีเจตจำนงเสรีเฉกเช่นสิ่งมีชีวิต

  • @muiki_jr
    @muiki_jr Жыл бұрын

    ชอบฟังเรื่องปรัชญามากครับ มันทำให้ระเบิดหัว ระเบิดความคิดดี ^^

  • @zer0d4y.
    @zer0d4y. Жыл бұрын

    ถ้าในบริบทของเรือ ที่ถูกเปลี่ยนไปแต่ละชิ้นทีละชิ้น จนไม่เหลือชิ้นเดิม แล้วตัวตนของเรือคืออะไร สำหรับผม คงมองว่ามันคือทิศทางของเรือที่ยังคงต้องการมุ่งไปอยู่ ว่ามันยังเป็นเรือที่ต้องการมุ่งไปทิศทางนั้นไหม เพราะถ้าจะให้เอาบริบทของเรือมาเปรียบกับมนุษย์เรา มนุษย์เรามีการซ่อมการเสื่อมในระดับชั้นเซลอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากเรือเลย แต่อะไรคือสิ่งที่บ่งชี้ว่ายังเป็นคนๆเดิมอยู่ นั่นก็คือแนวทางเดิมสำหรับการใช้ชีวิต แนวทางพื้นฐานของจิตใต้สำนึก ที่เลือกจะปฏิสัมพันธ์ต่อเหตุการณ์ที่เราเจอยังไง ยังจะมีวิธีเดิมในการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆเพื่อให้คงไว้ซึ่งความรู้สึกเดิมที่เคยชินอยู่ไหม สิ่งเหล่านี้ ล้วนไม่ต่างจากทิศทางของเรือ ส่วนวันหน้าเรือลำเดิมที่ไม่เหลือชิ้นส่วนแล้วจะเปลี่ยนชื่อ หรือมนุษย์ที่ไม่เหลือแม้แต่ระบบร่างกายแบบเดิม ถ้ายังคงสามารถดึงสิ่งที่เรียกว่า ความทรงจำ และ นิสัยของจิตใต้สำนึก มาประมวลต่อเหตุการณ์ได้อยู่ ก็ยังคงอยู่ในทิศทางเดิม เป็น อัตตา อัตตาลักษณ์ ลักษณะ เฉพาะตน ส่วนเรือ หรือ ร่างกาย ก็แค่อุปกรณ์ที่ยืมใช้งาน

  • @nontysgt231
    @nontysgt231 Жыл бұрын

    พระสูตรของพระพุทธเจ้าที่ชื่อสัทธรรมปุณฑริกสูตรสอนไว้ครับ เป็นเรื่องๆเดียวกับที่คุณป๋องแป๋งพูดถึงเรื่องปลวกกับจอมปลวก กล่าวคือ มนุษย์แต่ละคนก็คือจักรวาลเล็กๆที่รวมกันเป็นจักรวาลใหญ่ แต่ละคนที่ดูเหมือนเป็นคนละคนกันแท้ๆกลับเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทั้งสิ้น ไม่มีทางแยกขาดจากกันได้ แม้แต่เรื่องกาลเวลา หรือความตาย ชีวิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ขอบคุณคุณป๋องแป๋งหยิบเรื่องนี้มาคุยนะครับ ชอบๆๆ ขอบคุณครับ

  • @pongel7447
    @pongel7447 Жыл бұрын

    ตัวตนของเรา = ทำยังไงให้เราคงอยู่ได้ หาอาหาร ทำความดีเพื่อขับเคลื่อนโลก ทำประโยชน์เพื่อพัฒนาโลกและตนเอง ทำงานเพื่อสร้างผลงานอันจะผลักดันให้โลกพัฒนา ทุกชีวิตเกิดมาเพื่อทำประโยชน์ แม้กระทั่งการขับถ่าย ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อสัตว์น้อย และ เหล่าแบล็คทีเรีย จุลินทรีย์ สรุปคือ ตัวตนเราคือฟันเฟืองนึงของโลก ของจักรวาล ทุกชีวิตจึงสำคัญ

  • @krisap8916
    @krisap8916 Жыл бұрын

    เมื่อคิด ก็มี เมื่อมี ก็ไม่คิด ............แต่รู้ !!!!!!!! แต่เมื่อมีความคิด แล้วไปยึดถือ ทุกอย่างก็มี . ทางศาสนาพุทธ เพราะมีวิญญาณ คือ ความรู้ . ลองสวดมนต์ แล้วทำความรู้สึกไปที่ตัวผู้รู้(ผู้ดู) แล้วใครคือคนที่สวดมนต์ แล้วใครคือผู้รู้ เมื่อใช้ญาณทัศนะ ดูตัวเราให้ถึงที่สุด มันมีแค่ความสั่นสะเทือน เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์เห็นที่สุดไม่มีอะไร ควาร์ก ระหว่างควาร์ก มีแค่ความสั่นสะเทือน..... นิสัย สันดาน วาสนา บารมี คือตัวเดียวกัน แต่มันต่างกัน ....(ลองหาคำตอบดูนะครับ).

  • @lennalir.4922
    @lennalir.4922 Жыл бұрын

    Game Theory อยากให้ทำเรื่องนี้ด้วยคนครับ

  • @YalaSadBoy
    @YalaSadBoy Жыл бұрын

    ปรัชญามันก็แค่จิตปรุงแต่งของคน เท่านั้นแหละ แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกนั้น คือความจริงเพียวๆ อีกอย่างนะ คือ ตัวตนเราจริงๆมันไม่มีหรอก ทุกอย่างมัน อนัตตา ไม่มีตัวตนใดๆ

  • @teamyboyz6927
    @teamyboyz6927 Жыл бұрын

    โอออโหหห ผมตั้งคำถามแบบนี้มานานเเล้ว พอผมโพสลงโวเชียลก็มีเเต่คนยัดเยียดความคิดตัวเองลงไป เเล้วหาว่าผมงมงาย ขอบคุณคลิปดีๆ เเม้เเต่ระดับเซล ผมก็คิดเหมือนกัน ว่ามันมีชีวิตป่ะว่ะ เลือดมันดิ้นรนส่งออกซิเจนมาให้เราใช้ตอนออกกำลังไรงี้555

  • @nathanwong2883
    @nathanwong2883 Жыл бұрын

    อยากให้อาจารย์เล่าเรื่อง Roko's Basilisk ครับ เป็น Thought Experiment เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ที่น่าสนใจมาก

  • @chalift1302
    @chalift1302 Жыл бұрын

    ผมมองว่า ตัวตนในอุดมคติ ซึ่งเเต่ละคนสร้างมาจากสิ่งต่างต่างในชีวิต ซึ่งคนเราพยายามจะเป็น ตนเองในอุดมคติ เพราะงั้นในเเต่ละช่วงเวลา คือตัวตนตัวเดียวกันที่พยายามพัฒนาไปเป็นตัวตนในอุดมคติ ที่ในเเต่ละช่วงการพัฒนาเเตกต่างกัน เเต่มีตัวตนในอุดมคติตัวเดียวกัน

  • @anagamin6793
    @anagamin6793 Жыл бұрын

    ถ้าคุณป๋องแป๋ง ได้บวช หรือ ได้ปฏิบัติธรรม จะมีโอกาสบรรลุธรรม เพราะเป็นคนฉลาด ช่างสังเกต และ ไม่มีภาพในใจ

  • @sutthikiatbunpatthanasunth6974
    @sutthikiatbunpatthanasunth6974 Жыл бұрын

    คิดถึงตอนทำคลิป ยาวๆ ฟังเพลิน ชอบเรื่อง ดวงดาวและอวกาศ

  • @user-jm5rr4wm6g
    @user-jm5rr4wm6g Жыл бұрын

    ชอบครับ แล้วก็ขอเรื่องดาราศาสตร์ด้วยครับ สนุกมากๆฟังเพลินครับ

  • @AAa-ul8zq
    @AAa-ul8zq Жыл бұрын

    เรื่องนี้มันง่ายครับถ้าตอบในทางพุธทศาสนา คือทุกอย่าที่เป็นตัวตนมันคือการอุปทานว่าเป็นตัวตน จริงๆแล้วทุกอย่างไม่มีตัวตนเป็นแก่นสาร

  • @lennalir.4922
    @lennalir.4922 Жыл бұрын

    ชื่อเรือ กับ ตัวเรือ ก็คล้ายกับตัวแปรกับข้อมูลปะ คนบางกลุ่มพยายามจะมองมันเป็น Constance แต่จริงๆ มันคือ Variable

  • @Prasa_Yiaedin
    @Prasa_Yiaedin Жыл бұрын

    ตัวตน คนสัตว์ สรรพสิ่ง ล้วนคือสถานะของข้อมูล และสถานะของข้อมูลมันมีวิวัฒนาการ มันจะวิวัฒนาการไปเป็นอะไร จะเหลืออะไรที่เป็นของเก่าเท่าไหนจะมีอะไรที่เป็นของใหม่เข้ามา ถ้ามันมีพัฒนาการเชื่อมโยงกัน นั่นก็ถือว่าตัวตนอันนั้นได้แปรเปลี่ยนรูปสถานะไปตามข้อมูลวิวัฒนาการณ์ทางสถานะของข้อมูล ถึงเอาเราเผาจนกลายเป็นควัน ตัวตนเราก็เป็นควันนั่นแหละ

  • @wichaiipadbenz
    @wichaiipadbenz Жыл бұрын

    ถ้าเปรียบกับคนก็น่าสนใจนะครับ เพราะเซลล์ที่มีอายุมากที่สุดในร่างกายมนุษย์มีอายุอยู่ประมาณได้เจ็ดปี แล้วหลังจากนั้นล่ะ..ตัวเราจะยังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่า

  • @markone712
    @markone712 Жыл бұрын

    มนุษย์เกิดมาเพื่อพัฒนาจนสามารถแหกกฎเกณฑ์ทั้งหมดจนสามารถหลุดจากวัฏจักรหรืออะไรสักอย่าง มั้งในความคิดของเรา

  • @shogunrose7663

    @shogunrose7663

    Жыл бұрын

    บางครั้งผมก็รู้สึกแบบนั้น แต่บางครั้งก็รูสึกยาก มาก😂

  • @Speople36953
    @Speople36953Ай бұрын

    ตัวตนที่ชื่อ วัฒนธรรม กับสัพเพเหระในทุกเรื่องราวทั้งต่างประเทศ และศาสนา มาหยุดอยู่ที่ นายวัฒนธรรม พอฟังดูการโต้วาทีของศาสนาหนึ่งแล้ว เห็นเป็นเช่น ตัวตนที่ชื่อ วัฒนธรรม

  • @user-vq1qp4nd7v
    @user-vq1qp4nd7v Жыл бұрын

    ชอบมากครับ เรื่องปรัชญาดูกระตุ้นความคิดดรมากครับ

  • @starwar2009
    @starwar2009 Жыл бұрын

    สิททัตถะ(ตถาคต) ได้ค้นพบเมื่อ2566 ปีก่อนว่า...คือ ขันธ์ 5 รูป1 นาม4 ซึ่งเปนไตรลักษณะ

  • @aoifutaba5172
    @aoifutaba5172 Жыл бұрын

    เราไม่เคยคิดว่าตัวเองคือตัวเองคนเดิม เราจำนิสัยเก่าได้ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

  • @hypertech7876
    @hypertech7876 Жыл бұрын

    คงต้องมาดูที่นิยาม คำว่า "ตัวตน" เป็นภาวะของปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ถูกรับรู้ข้อมูล จึงเกิดคำว่า "ตัวตน"นี้ขึ้นมา ทั้งการรับรู้ข้อมูลตัวตนของคนอื่น สิ่งอื่นและตัวของเรานี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน(รวมไปถึงความทรงจำเรื่องตัวตนในอดีตมาใช้ตัดสิน เปรียบเทียบกับตัวตนในปัจจุบันที่เราต่างรับรู้ถึงกันอยู่)ขณะที่ถูกรับรู้นั้น ภาษาที่ถูกประดิษฐ์ให้เป็นนามธรรมมีตัวตนขึ้นมา ก็สร้างความรู้สึกนึกคิดว่า "สิ่งนี้มีตัวตนอยู่จริงสำหรับเราเพราะเรารับรู้ได้" และอีกครั้งที่คำว่า "ตัวตน"เดียวกันนี้ เราแต่ละคนก็รับรู้และเปรียบเทียบกับประสบการณ์ในอดีตของตนเองแตกต่างกันออกไป เช่น นายAพูดถึงนายBว่าเป็นคนดี แต่ในขณะเดียวกัน นายCอาจพูดถึงนายBว่าเป็นคนไม่ดีก็ได้เช่นกัน

  • @hypertech7876

    @hypertech7876

    Жыл бұрын

    ถ้าจะให้สรุปความเป็น "ตัวตน"นี้จริงๆแล้ว นอกจากคำจำกัดความง่ายๆว่า ตัวตนประกอบขึ้นจาก ธาตุและสสารต่างๆ ทั้งสถานะของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ ที่ส่งต่อพลังงานไป-มาตามความต่างศักย์ของพลังงานระหว่างอะตอมที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของกันและกันอยู่ตลอดเวลาภายใต้ศรแห่งกาลเวลาที่ไม่วนกลับมาแก้ไขใหม่ได้ ดังนั้น ความมี "ตัวตน" ตามที่เราคิดอยู่จึงไม่มีอยู่จริงในระบบจักรวาลที่แปรปรวนอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ เพราะสิ่งที่เราคิดก็ ไม่มีตัวตนอยู่แต่เดิม อุปมาเป็นเหมือนจักรวาลนี้ที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าเกิดจากBigBangและในภาวะที่เป็นภาวะเอกฐานก่อนการกำเนิด"ตัวตน"ของจักรวาล มันคือความว่างหรือพื้นที่ว่างที่ถูกบีบอัดแล้วเกิดความร้อนที่มหาศาลภายใต้ภาวะเชิงควอนตัมที่ถูกกระทำแล้วเกิดการระเบิดขึ้นเหมือนแก็สไฮโดรเจนที่ถูกจุดระเบิดด้วยการอัดด้วยแรงดันหรือแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลและในขณะที่จักรวาลนี้ถูกระเบิดมันได้ปรากฎสร้างธาตุต่างๆ ดวงดาว ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวนิวตรอนและหลุมดำขึ้นมา ให้เราเห็นแล้วตั้งชื่อแทน"ตัวตน"ของมันตามแต่ภาษาที่เราใช้เรียกและประดิษฐ์ขึ้นตามความรับรู้ของเรา จักรวาลกำลังขยายตัวจากแรงระเบิดในครั้งนั้นอย่างต่อเนื่องและผลักดวงดาวต่างๆให้ห่างออกจากกันไปจนหลุดวงโคจรไปในที่สุด คล้ายกับที่ดาวพลูโตได้หลุดออกจากระบบสุริยะจักรวาลของเราไปแล้ว ตอนนี้"ตัวตน"ของเราอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่จักรวาลใกล้จะดับเย็นตัวลงไปทุกขณะแต่ว่ามันยาวนานมาก

  • @hypertech7876

    @hypertech7876

    Жыл бұрын

    เมื่อเทียบกับอายุของเรา เหมือนที่หลุมดำดูดกลืนสสารให้สลายไป เหมือนจุดดับที่เกิดขึ้นที่ดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ต่างๆ รอวันดับลงคือยุบตัวเป็นดาวเคราะห์หรือระเบิดเป็นSupernova เราทุกคนคือส่วนหนึ่งของดวงดาว เป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เหมือนๆกันในความแตกต่างที่เรารับรู้ถึงและนิยามกำหนดว่าเป็น"ตัวตน"ที่เราทุกคนต่างสมมติขึ้น ซึ่งล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกวิวัฒนาการมาด้วยกฎของฟิสิกส์ ปฎิกริยาเคมี และด้วยแรงต่างๆในจักรวาล ที่ดึงดูดและผลักกันเหมือนขั้วของแม่เหล็ก มันเกิดขึ้นมาพร้อมกับ "ตัวตน"ของเราเองในขณะนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ความคิดที่เกิดขึ้นในอดีต แต่เป็นปัจจุบันที่เรา ระลึกถึงความเป็น"ตัวตน"ที่ปรากฏในปัจจุบันนี้อยู่ และเมื่อประโยคที่คุณอ่านนี้ สิ้นสุดลง คุณจะรับรู้ถึง ความไม่มีตัวตนของประโยคนี้ แต่คุณจะรับรู้ถึงความรู้สึกดีหรือไม่ดี ยอมรับหรือต่อต้าน เชื่อหรือไม่เชื่อ ที่เกิดขึ้นในใจของคุณเองที่ได้รับรู้ถึงสัจธรรมความจริงในประโยคนี้(ปัจจัตตัง) ตามแต่องค์ความรู้และประสบการณ์ที่แต่ละคนเคยได้ผ่านมา และแต่ละคนก็จะรู้สึกถึง"ตัวตน"ที่แสดงในประโยคนี้แตกต่างกันออกไป

  • @hypertech7876

    @hypertech7876

    Жыл бұрын

    และเมื่อคุณอ่านจบมาถึงตรงนี้และกำลังจะเลื่อนไปอ่านcommentหรือดูสิ่งอื่น ให้คุณได้รับรู้ไว้ว่า เมื่ออ่านจบ เสียงของคุณที่อ่านข้อความนี้ได้จบลงไปแล้ว เหลือเพียงแต่ ความเงียบ ความว่างเปล่า อุปมาเหมือนกับเสียงที่เงียบสงบลงเมื่อหยุดพูด เมื่อนั้นแหละ คุณจะมองเห็นความว่างที่อยู่ในความเป็น "ตัวตน"ที่คุณตั้งคำถาม ออกแสวงหาคำตอบ คำอธิบายต่างๆแต่ก็ยังคาใจไม่ชัดเจนยังหาคำอธิบายคำตอบที่พอใจไม่ได้ เพราะคำถามที่คุณตั้งมันเกิดจากความไม่รู้จัก"ตัวตน"ที่แท้จริงของตัวคุณเองที่กำลังมีชีวิตอยู่ กำลังหายใจอยู่ และกำลังจะตายจากโลกนี้ไปในที่สุด และถึงแม้คุณจะออกค้นหาจนค้นพบรู้คำตอบของ"ตัวตน"ที่คุณเองพอใจ คุณก็ต้องตายและสูญเสียมันไป แม้แต่ชีวิตของคุณเองเช่นกัน ดังนั้นในสมการนี้ ขอให้คุณอย่าไปยึดมั่นใน"ตัวตน"ที่คุณกำลังเป็นอยู่และกำลังเปลี่ยนแปลงไป เหมือนนักปีนเขาที่เมื่อปีนไปจนถึงจุดสุดยอด มองเห็นวิวที่งดงามน่าหลงไหลสูงส่งน่าภาคภูมิเพียงใดในความสำเร็จนั้นที่คุณได้พิชิตยอดเขานั้นด้วยความยากลำบากที่พยายามปีนขึ้นมา คุณก็ยังต้องกลับลงมาจากยอดเขาเพื่อกลับมาบ้านและใช้ชีวิตปกติของคุณต่อไป แต่ความเป็น"ตัวตน"ก่อนและหลังจากปีนยอดเขาในครั้งนั้นของคุณจะเปลี่ยนไป คุณจะรู้สึกมีค่า ภูมิใจ และมีความสุขเพิ่มขึ้นเมื่อได้เล่าประสบการณ์ครั้งนั้นให้ผู้อื่นได้รับรู้ความสำเร็จของเรา แม้ว่าเราไม่อาจจะมอบความรู้สึกจริงๆขณะที่เรารับรู้ วิวทิวทัศน์ให้เหมือนกับได้ไปปีนและเห็นวิวนั้นให้เหมือนไปด้วยตัวเองก็ตาม

  • @Wolf-vh2xm
    @Wolf-vh2xm Жыл бұрын

    ชอบมากครับ หัวข้อปรัชญา ติดตามตลอดครับ

  • @user-nr2gb8re5e
    @user-nr2gb8re5e Жыл бұрын

    ตัวตนเป็นสิ่งที่คนกำหนดขึ้นมา ไม่ได้มีความหมายในตัวเอง ถ้าคนไม่กำหนดกรอบนิยามของตัวตนนั้นๆขึ้มมามันก็ไม่มี เช่น ผมนิยามตัวตนของผมคือคนที่อยู่ในวันนี้ ดั้งนั้นวันพรุ่งนี้ตัวตนของผมก็จะหายไปแล้ว(กลายเป็นผมคนใหม่ ถ้าจะนิยามตัวตนเพิ่มอีกวัน) ,แต่ปกติแล้วคนจะนิยามกรอบตัวตนของตัวเองเป็นทั้งชีวิต ทีนี้ผมก็จะมีตัวตนของตัวเองตั้งแต่เกิดจนถึงวันตาม

  • @Silence_combat

    @Silence_combat

    Жыл бұрын

    เอาง่ายๆ ก็เป็นมายาว่างั้น?

  • @ampolflashdrive7299

    @ampolflashdrive7299

    Жыл бұрын

    ตัวตน เป็น สัญชาติญาน การเข้ายึด ขันธ์5 เมื่อ องค์ประกอบ พร้อมแล้ว ถ้า องค์ประกอบ ยังไม่พร้อม จุดเริ่มแรก คือ มิติ และ พลังงาน พยายาม บิดโค้งเข้าหากัน ... จุดเริ่มต้น ของการเข้า ยึด ยึด ยึด จนไม่รู้ว่า เกิดมา ก็ ยึดเลย ... ยึด แบบ ดิบๆ

  • @narongkiatniraken2343
    @narongkiatniraken2343 Жыл бұрын

    นึกถึงประโยค “หนึ่งคือทุกสิ่ง ทุกสิ่งคือหนึ่ง” เลยครับ

  • @user-wb9xz5ge2d
    @user-wb9xz5ge2d Жыл бұрын

    มันเป็นแค่ข้อมูล มันถูกเขียนมาคุณรู้สึกว่าคุณเป็นสิ่งนั้นเป็นสิ่งนี้ มันให้ความรู้สึกว่ายังเป็นคนเดิมอยู่

  • @TardigradeSperm
    @TardigradeSperm Жыл бұрын

    ชอบหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับปรัชญามากเลยครับ ทำออกมาเรื่อยๆ นะครับ :)

  • @warngpeejow
    @warngpeejow Жыл бұрын

    ผมว่า'เราจะเรียก #ชื่อเดิมของเรือก็ได้อยู่ครับ เพราะอย่าง #บริษัทหรือทีมกีฬา ที่ก่อตั้งมาเป็นร้อยๆปี เราก็ยังเรียกชื่อเดิมอยู่

  • @poow6283
    @poow6283 Жыл бұрын

    ผมไม่ใช่คนธรรมะธัมโมอะไรมาก แต่ของพระพุทธเจ้าคมสุดแล้ว ตัวตนเป็นเพียงมายา คงพิจารณาเรื่องนี้มาเยอะมาก พยายามคิดคำเหตุผลมาโต้แย้ง แต่ก็คิดไม่ออกเลยจริงๆ 😂

  • @singhakorat
    @singhakorat Жыл бұрын

    ความจริงเราไม่ได้เป็นอะไรเลย เป็นเพียงการยึดติดที่มีเหตุมาจากความจำความเคยชิน

  • @jordanx5498
    @jordanx54984 ай бұрын

    มนุษย์เกิดมาเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ และซึมซับอารมณ์ความรู้สึกในขณะอยู่บนโลกนี้ เมื่อตายไป จิตของเราทุกคนจะกลับมาอยู่ที่เดียวกัน ที่ที่สงบและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ขอให้ทุกท่านคิดได้แบบนี้และไปสนุกกับประสบการณ์ชีวิตทุกรูปแบบ

  • @jirawatmaubkhuntod1823
    @jirawatmaubkhuntod1823 Жыл бұрын

    ทำหัวข้อ เมื่อวานมีจริง พรุ่งนี้มีจริง แล้วอดีตชาติ จะมีจริงหรือไม่ ตามที่สอนกันจากพระสงเทศนา มันเป็นแนวคิดตกรรวิบัติหรือไม่หน่อยคับ

  • @PVT-hr6nz
    @PVT-hr6nz Жыл бұрын

    ขอบคุณครับ

  • @user-rx4uc6ds4q
    @user-rx4uc6ds4q Жыл бұрын

    แร้วไครเชื่อเรื่องเกิดใหม่คับ ผมนี่ไม่เชื่อเรื่องเกิดใหม่เลย ต่อไห้เราเกิดใหม่ก็ไม่ใช่คนเดิม ถ้าไม่ใช่คนเดิมก็ไม่ใช่เราเป็นกันเกิดของคนอื่น ก็เหมือนกับที่เราจำอะไรที่เป็นในชาติที่แล้วไม่ได้

  • @user-ik1wn6zh7o
    @user-ik1wn6zh7o Жыл бұрын

    งั้นก็ต้องลองถามว่าแก่นของตัวตนคืออะไรวิญญาณคืออะไร และผู้สังเกตที่เห็นตั้งแต่ต้นจนจบกับแบบเห็นบ้างไม่เห็นบ้างและเห็นไปจบเลย เห็นต่างกันยังไง

  • @user-oc8sv4mn2h
    @user-oc8sv4mn2h Жыл бұрын

    ยอมรับว่าพุทธรู้จริง ผมคนหนึ่งเคยผ่านความตาย เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ตัวตนเรา เหมือนรถเป็นร่างกาย รถพังเราก้ออกจากรถไปซื้อรถคันใหม่ เราที่ขับรถคือจิต มันเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนจะรู้ทันทีเมื่ออายุไขหมด

  • @abb7434
    @abb7434 Жыл бұрын

    ชอบมาก ติดตามตลอดครับ

  • @bitcointh504
    @bitcointh504 Жыл бұрын

    เราเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติบ้างเวลา และในบ้างเวลาเราก็เหมือนจะไม่ใช่ จะคิดให้ง่ายก็ง่าย จะคิดให้ยากก็ยาก

  • @korninsao

    @korninsao

    Жыл бұрын

    ฝึกสติให้มาก

  • @mornchillchill4125
    @mornchillchill4125 Жыл бұрын

    เหมือนเป็นชุดมวลสารกลุ่มก้อนหนึ่งที่สะสมกลุ่มมวลสารอีกก้อนหรือหลายๆ ก้อนเข้ามา แล้วก้อนหลายๆ ก้อนนั้นก็รับมวลสารอีกแบบเข้าไป เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมาเจอมวลสารที่เป็นร่างคนก็ถูกรวมเข้าด้วยกัน ครั้นพอตายไปก็คืนมวลสารที่เป็นร่างกายมนุษย์นั้นออกไป หากยังมีมวลสารอื่นที่รวมกันได้ก็จะรวม เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หากจะกลับสู่มวลสารตั้งต้นก็ต้องสลัดมวลสารล่าสุดออกไปเรื่อยๆ จนหมด ก็จะเหลือมวลสารตั้งต้นซึ่งก็คือแก่นของเรานั่นเอง หากมวลสารแตกสลายกันไปหมด ตัวตนของเราก็จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ไปแล้วไปลับ ไม่มีกำเนิดเกิดใหม่อีกต่อไป พอจะเกิดรวมเป็นมวลสารใหม่ก็จะไม่ใช่เราไปแล้ว ถ้าหากจะอธิบายตามแบบของพระพูทธเจ้าท่านก็คงต้องพลิกตำราไปอ่านที่ กายละเอียดสู่กายหยาบ ด้วยควมหลงความอยากก็เริ่มกินม้วนดินกินโน่นกินนี่จนเป็นกายหยาบไปนั่นแหล่ะ หากอยากจะหลุดพ้นไม่มีตัวตนให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดตามหลักของ ปัจฏิจสมุปบาท อีกต่อไป ก็ต้องฝึกตนให้ละกิเลสต่างๆ ให้ได้ เหมือนลิงที่เดิมเคยโหนจับเถาวัลย์ไปเรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งก็ไม่อยากจับเถาวัลย์ต่อไปแล้วนั่นเอง

  • @mornchillchill4125

    @mornchillchill4125

    Жыл бұрын

    ถ้าถามว่าตายไปจะยังจำได้หรือไม่ ตอบว่าจำได้หากมวลสารที่บรรจุข้อมูลยังอยู่ และละรึกได้หลายชาติเลย ถ้าถามว่าตายไปจะยังคงรูปร่างเป็นคนเดิมอยู่หรือไม่ ตอบว่าได้หลายรูปร่างเลยถ้ามวลสารคงรูปร่างนั้นยังอยู่ ถ้ายังจำมันได้

  • @mornchillchill4125

    @mornchillchill4125

    Жыл бұрын

    ผมมโนเอาเองนะครับ ไม่ได้ยึดหลักวิชาการใดๆ

  • @Coppernicium
    @Coppernicium Жыл бұрын

    ลองเปรียบเทียบมนุษย์กับ คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เรามีกระบวนการเหมือนกัน มีการจัดการข้อมูลเหมือนๆกัน มีกระบวนการคิดแก้ปัญหา แล้วเราต่างกันตรงไหน ถ้ามองในมุมนี้ เราจะพบว่า มีสิ่งๆนึงที่เรียกว่าตัวตน เราจัดการปัญหาต่างๆโดยยึดโยงกับความเป็นตัวตนของเรา แต่คอมพิวเตอร์ไม่ได้มีกระบวนการนั้น เราต้องพยายามสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำกระบวนการที่คล้ายเราในการจัดการปัญหาในหลายๆเรื่องโดยยึดจากตัวตนของเรา ว่าถ้าเป็นเราจะจัดการปัญหานี้อย่างไร ในปัจจุบันเราก็มีความพยายามที่จะทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าตัวตน แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงการจำลองตัวตนหรือกระบวนการของตัวตนเท่านั้น แล้วตัวตนคืออะไร สำหรับผม ตัวตนคือกับดักของธรรมชาติ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดความคงอยู่ของสิ่งมีชีวิต เรากินเพื่อดำรงค์ชีวิต(ตัวตน) การหนีเพื่อรักษาชีวิต(ตัวตน) เราคิดเลือกสิ่งที่ดีไว้กับตัวตน และผลักสิ่งที่จะสร้างปัญหาออกจากตัวตน กระบวนการที่ว่ามานั้นจะเกิดไม่ได้หากไม่มีมายาคติที่เรียกว่าตัวตน เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้จักหลบหลีกอันตราย หรือเลือกที่จะรับอะไร หรือปฏิเสธอะไร ได้แต่กระทำไปตามกระบวนการที่ระบุไว้ให้ ลองดูบทสนทนาตัวอย่างนี้ เราต้องหลบเลี่ยงอันตราย(ทำไมต้องหลบเลี่ยง) /สิ่งอันตรายจะทำให้เกิดความเสียหาย(เสียหายแล้วทำไม) /ความเสียหายนำมาซึ่งการหยุดการทำงาน(หยุดการทำงานแล้วยังไง มันก็คือการหยุดการทำงานเฉยๆนี่....คุณป้อนคำสั่งมา-ฉันทำตามคำสั่ง มีแค่นั้นสำหรับฉัน) ตัวตนจึงเป็นสัญชาตญาณในระดับเบื้องลึกที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต และก็เป็นมายาคติที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้เราเพื่อการดำรงค์อยู่ของสิ่งมีชีวิต และพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง

  • @kittenastrophy5951
    @kittenastrophy5951 Жыл бұрын

    หลักกฎหมายสากลที่ก็คือหลักกฎหมายของโลกตะวันตกตั้งอยู่บนฐานความคิดของปรัชญาตะวันตกแบบกรีกจนมาถึงปรัชญายุคใหม่ ที่พยายามหาคำตอบว่า คนเราเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน นำไปสู่ความคิดสรุปบนพื้นความรู้เท่าที่จะหาได้ของมนุษย์ปัจจุบัน ว่า คนเรา เท่าเทียมกัน เป็นคนต้องไดีรับความยุติธรรมเท่าเทียม คนผิดกฎต้องโดนลงโทษ ฯลฯ บลาๆๆ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นความจริงสัมบูรณ์รึเปล่า เพราะปัญหาที่นักปรัชญาตั้งคำถามกัน ก็ยังไม่มีใครตอบได้( ในสายตาของฝรั่ง)

  • @sirieconvergence551
    @sirieconvergence551 Жыл бұрын

    แนวคิดนี้เป็นแนวคิดในประเด็นเรื่องขันธ์5ในพระพุทธศาสนา ที่มองว่า ชีวิต คือ องค์รวมของขันธ์ 5 ครับ

  • @retrosocial
    @retrosocial Жыл бұрын

    อนัตตา คิดแบบพุทธ ตามสังสารวัฏ หลุดเมื่อไร นิพพาน ไปสู่มิติที่สูงขึ้น

  • @yuttasakko
    @yuttasakko Жыл бұрын

    ลึกซึ้งยิ่งนักครับ

  • @worawongdher7188
    @worawongdher7188 Жыл бұрын

    ตัวตนทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา หาใช่ตัวตนเราเขาแท้จริงไม่ เพราะตัวตนนั้นไม่เคยตั้งคงอยู่แบบนั้นอย่างถาวร มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป การตั้งอยู่ของตัวตนนั้นมีชั่วขณะหรือยาวนาน มนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิต ในแต่ละเซลก็ตายและเกิดมาทดแทนกันทุกวินาที ตั้งแต่แร่ธาตุในดินไปสู่ต้นไม้ สัตว์ ที่กินเข้าไป เป็นอาหารของมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นเชื้ออสุจิ รังไข่ เมล็ดพันธุ์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เปลี่ยนถ่ายตัวตน ไปเป็นตัวอ่อน ต้นกล้า เปลี่ยนเป็นทารก เป็น เด็ก ผู้ใหญ่ วัยชรา ตาย เป็นซากศพ เป็นโครงกระดูก ย่อยสลายกลายเป็นแร่ธาตุอยู่ในดิน จะบอกว่าแร่ธาตุเป็นตัวตนของเราหรือไม่ วัยเด็กคือตัวตนของเราหรือไม่ วัยอื่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ก็ไม่อาจกล่าวได้ ว่านั่นคือตัวตนของเรา และไม่อาจหล่าวได้ว่านั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา แต่อาจกล่าวได้ว่านั่นไม่ใช่ตัวตนของเราอย่างแท้จริง เป็นเพียงตัวตนที่สืบทอดส่งถ่ายต่อ ๆ กันมา แล้วเชื้ออสุจินั้น รังไข่นั้น ควรเป็นตัวตนของเรา หรือเป็นตัวตนของพ่อแม่เรากันแน่ แยกแยะแบ่งชัดไม่ได้ มันคือตัวตนที่สืบทอดส่งถ่ายต่อ ๆ กันมา หาใช่ตัวตนของเราอย่างแท้จริงไม่ ในแง่ของจิตใจ ความคิด วิญญาณก็เฉกเช่นเดียวกัน จิตใจที่เปี่ยมสุขนั้นคือเราหรือไม่ในเวลาต่อมาจิตใจที่เต็มไปด้วยทุกข์คือเราหรือไม่จิตใจที่มีอารมณเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาคือเราหรือไม่แล้วจริงๆอ้นไหนคือจิตใจของเรากันแน่ จิตใจเราก็เช่นกันหาใช่ต้วตนแท้จริงไม่ เป็นตัวตนที่สืบทอดต่อมาจากจิตใจก่อนหน้า เมื่อตายจากภพนี้สู่ภพหน้า ตัวตนในภพก่อนหน้าก็ส่งถ่ายสืบทอดผ่านวิญญาณสู่ภพถัดไป ไม่ใช่ตัวตนเดิม เป็นตัวตนใหม่ที่สืบทอดต่อมา หากตัดวิญญาณก็ดับการเกิด ดับการส่งถ่ายตัวตน ดับทุกข์ได้สนิทนั่นเอง ในโลกของวัตถุมีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่ช้ามากยาวนานมาก ๆ นั่นคิอพื้นที่ว่าง ไม่ว่าอย่างไรก็จะยังคงสภาพความเป็นพื้นที่ว่างอยู่เช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง อาจกล่าวได้ว่าพื้นที่ว่างใกล้กับคำว่าตัวตนแท้จริงที่สุดแล้ว ในความเห็นของผม

  • @Samongtidgames
    @Samongtidgames Жыл бұрын

    นั่นสิ ตอนนี้ผมสงสัยอยู่ เกือบบวชตลอดชีวิตแล้ว(ในทางพุทธ)แต่รู้สึกกิเลสยังเยอะอยู่เลยยังไม่อยากบวช เรื่องหลักที่ตัดไม่ขาดคือ ราคะ

  • @myidolz1
    @myidolz1 Жыл бұрын

    ในทางพุทธแล้ว ตัวตนหรืออัตตาคือสิ่ง ๆ หนึ่งที่พระพุทธเจ้าเรียกว่าสัตตานัง(ผู้ยึดติด) ด้วยขบวนการทั้งหมดที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบและเรียกมันว่า 'วงจรปฏิจจสมุปบาท' คือสัตตานังเนี่ยหลงเข้ามายึดด้วยความไม่รู้(อวิชชา) จุดเริ่มต้นแรกของวงจร เพราะไม่รู้ จึงเข้ามายึด จึงเกิด สังขาร > จึงเกิด วิญญาณ (แล้วพอมีวิญญาณในทางพุทธแปลว่า การรับรู้ ธาตุรู้) เพราะมีวิญญาณมีการรับรู้ จึงค่อยเกิด นามรูป สำหรับผมแล้วความน่าสนใจอยู่ตรงนี้ แม้ผมจะได้ศึกษาหลักการก็ตามและรู้สึกทึ่งแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมพอจะจับใจความได้จากการศึกษาคือเรื่องเหล่านี้ช่วยให้เรารู้สึกว้าว ทึ่ง แต่ปัญหาคือมันไม่ได้ช่วยให้เราไปสู่สิ่งที่เรียกว่านิพพานได้ นั่นเป็นเหตุผลที่พระพุทธเจ้าจึงตรัสรู้สิ่งที่เรียกว่า 'อริยสัจ4' และเอา 'ทุกข์' ขึ้นมาก่อน เพราะทุกข์คือสิ่งที่ทำให้เรายังคงยึดติดตัวตนและทำให้เราไม่สลัดมันออก ดังนั้นตามลำดับอริยบุคคล โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และอรหันต์ อรหันต์จึงเป็นเหมือนด่านสุดท้ายที่ต้องทำลายตัวตน(อัตตา)ให้ได้ สรุปคือเราต้องทำขบวนการย้อนกลับเพื่อให้เกิดวิชชา(รู้) เพื่อให้อวิชชา(ความไม่รู้)ได้หายไป เหมือนการย้อนวงจรกลับไปสู่จุดเริ่มต้น นิพพานคือสิ่งที่เราเป็นมาแต่แรก สิ่งที่เราไม่สามารถกำหนดหรือนิยามมันออกมาได้ ไม่ว่าจะรูปธรรมหรือนามธรรม ไม่ใช่แม้แต่ความว่าง และหลังจากเรามีวิชชาแล้ว เราจะไม่หลงเข้ามายึดสู่สังสารวัฎนี้อีก ประเด็นคือต่อให้รู้ความจริงเหล่านี้ แต่ขบวนการเข้าถึงต่างหากที่เป็นปัญหา เพราะมันยากเหลือเกิน แค่เริ่มต้นให้เข้าถึงด้วยโอปนยิโก(ควรน้อมเข้ามา) ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ คือวิญญูชนรู้ได้เฉพาะตน คือพระธรรมนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนจะรู้ได้ และการรู้ได้นั้นเป็นของเฉพาะตน และหนทางที่จะเข้าถึงนิพพานได้โดยรอบคือ 'มรรค 8' ที่พระพุทธเจ้าได้อธิบายไว้ เพราะงั้นต่อให้ตัวผมเชื่อแค่ไหน แต่ตัวตนคือสิ่งที่เรายึดติดอย่างแนบแน่น เหมือนที่อาจารย์อาจวรงค์เปรียบเทียบจากเรื่องร่างกายมนุษย์แต่สมองAi vs ร่างกายจักรกลแต่จิตใจมนุษย์

  • @suponsupon4311
    @suponsupon4311 Жыл бұрын

    สรรพสิ่งในโลกล้วนเปลี่ยนแปลง!มีเพียงสิ่งเดียวที่มั่นคงคือ"สัจจะ"ที่จิตกล้าหาญยึดมั่น!

  • @mr.chatchawansoodhom
    @mr.chatchawansoodhom Жыл бұрын

    นึกถึงการ์ตูนเรื่อง Rick and Morty Season 6 Episode 2 ที่ทุกตัวละครในโลกเสมือนทั้งหมดคือมอร์ตี้คนเดียว เลยครับ

  • @jamesji8269
    @jamesji8269 Жыл бұрын

    ฟังอารย์บรรยายเเล้วผมนึกขันธ์5ขึ้นมาทันทีเลยเพื่อนๆลองไปศึกษาดูน่ะครับบางทีอาจตอบโจทย์เรื่องตัวตนได้ดีเลย

  • @zavephuvadol5332
    @zavephuvadol5332 Жыл бұрын

    ตัวตนคือสิ่งสมมุติ ชีวิตคือที่ว่าง

  • @phattham9315
    @phattham9315 Жыл бұрын

    ลองจุดไม้ขีด แล้วนึกในใจช้าๆ " มีตัวตน , ไม่มีตัวตน , มีตัวตน , ไม่มีตัวตน,..."จนไม้ขีดลามไฟมาถึงนิ้ว... เดี๋ยวจะได้คำตอบเองครับ ...😅

  • @jirawatmaubkhuntod1823
    @jirawatmaubkhuntod1823 Жыл бұрын

    ทำหัวข้อ ทำไมคนอายุเยอะมักตื่น ตอนตี 3 มาทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ หน่อยครับ

  • @user-uq5nh7tp7r
    @user-uq5nh7tp7r Жыл бұрын

    ตัวตนมาจาก"ปฏิจจสมุปบาท"ครับ มันมีตัวตน เพราะ..ความหลง..สมมตินั่นเอง พระพุทธเจ้าตรัสว่า โลกนี้พัวพันไปด้วยความมี-ความไม่มี ถ้าหมดเหตุปัจจัย ทั้งมีและไม่มี ก็จะเป็นเพียงความว่าง(สุญญตา)นั่นคือสัจจะความจริง

  • @user-yh8kl7dk6u
    @user-yh8kl7dk6u Жыл бұрын

    คำถามที่ว่า"เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร" คิดว่ามันขึ้นอยู่กับชุดความคิดและห้วงอารมณ์ในตอนนั้นด้วย ถ้าหากเราเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนก็รู้ทันทีว่าจะทำอะไรต่อไป แล้วตอนนั้นก็ตั้งคำถามกับตัวเองเลย ว่าเกิดมาทำไม คำตอบมันจะออกมาทันทีเลย เช่นว่า "เกิดมาทั้งทีกูต้องจีบคนให้ได้" ประมาณนั้น

  • @user-zt5ud5yc7s

    @user-zt5ud5yc7s

    Жыл бұрын

    ไม่สำคัญว่าเราเกิดมาทำไม่สำคัญที่เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

  • @korninsao

    @korninsao

    Жыл бұрын

    เราเกิดมาได้อย่างไรต่างหากที่สำคัญ

  • @phakhinsomchat5623
    @phakhinsomchat5623 Жыл бұрын

    🖤🤎💜💙💚💛🧡❤️ ตัวตนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจคงรูปแบบเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม เป็นการ ≈ เวลาผ่านไประยะหนึ่งจน ≠ หากเทียบกับตัวตนเเรกจนถึงปัจจุบัน มันจะได้ ≠ เพราะ ≈ มาเรื่อยๆ

  • @jalax6268
    @jalax6268 Жыл бұрын

    แค่สสารในจักรวาลที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเรา แล้วก็สมมติชื่อขึ้นมาเพื่อเรียกกัน

  • @slimzmega9262
    @slimzmega9262 Жыл бұрын

    ตามที่ผมเข้าใจนะครับ ผมมองว่าเราคือสิ่งหลายๆสิ่งมารวมกันครับ ถามว่ารถ1คันถ้าเกิดมันมีจิตใจขึ้นมาแล้ว ตัวมันจะสงสัยไหมว่าตัวของมันคืออะไร ถ้ามองในมุมมนุษย์มันคือยานพาหนะ แต่ถ้าถอดชิ้นส่วนต่างๆออกมาวางเรียงกันแล้วดูใหม่อีกที คราวนี้มันคือชิ้นส่วนอะไหล่รถซึ่งไม่ใช่รถอีกต่อไป หากมองให้ละเอียดขึ้นไปอีกเอาอะไหล่ทุกชิ้นมาหาว่าประกอบด้วยสสารใดๆบ้างแล้วแยกองค์ประกอบออกมาอีกทีแล้วได้สสารอะไรก็ตาม เช่น ได้เป็นเหล็ก,พลาสติก,ทองแดง,สังกะสี,คาร์บอน,ผงเหล็ก,โซเดียมซัลเฟต และสารต่างๆอีกมากมาย ทีนี้ลองมองรถคันเดิมที่ถูกแยกส่วนเป็นสสารต่างๆแล้วยังมองเป็นรถอีกหรือไม่ แล้วถ้าลองแยกสสารจนเล็กมากๆจนถึงระดับอะตอมหรือเล็กกว่าไปเรื่อยๆ ทีนี้ชัดเจนเลยว่ารถหนึ่งคันประกอบจากสิ่งต่างๆมากมายเกินจินตนาการ มนุษย์ก็เช่นกันถ้าถูกแยกส่วนจนเล็กกว่าอะตอมจะยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่ แนวคิดนี้สามารถใช้ได้กับทุกๆสิ่งในเอกภพ ดังนั้นสรุปคือ มนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับรถหนึ่งคันหรือสิ่งอื่นในเอกภพล้วนมาจากสิ่งต่างๆประกอบเข้าด้วยกันทั้งสิ้น เข้าใจประมาณครับผม😁

  • @extrafilmchannel9549

    @extrafilmchannel9549

    Жыл бұрын

    แล้วถ้าผมเปลี่ยนชิ้นส่วนรถทีละส่วนๆไปเรื่อยๆ เอาชิ้นเก่าออกแล้วใส่ชิ้นใหม่เข้าไป (ค่อยๆเปลี่ยนแล้วประกอบใส่ทีละส่วน ไม่ได้รื้อหมดแล้วใส่ประกอบชิ้นส่วนใหม่ทีเดียว) ผมทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนครบทุกชิ้น จนกลายเป็นว่ารถคันนั้นไม่หลงเหลือชิ้นส่วนของรถเดิมแล้ว รถนั้นจะยังเป็นรถคันเดิมอยู่ไหมครับ

  • @slimzmega9262

    @slimzmega9262

    Жыл бұрын

    @@extrafilmchannel9549 ตามความคิดผมนะครับ ผมคิดว่ารถไม่ใช่คันเดิมอีกต่อไปแล้วครับ เพราะคำว่ารถคันเดิมในความหมายของผมคือเหมือนเดิมทุกอย่างแบบ100%เลยครับ แม้รถจอดทิ้งไว้เพียงไม่นานแล้วโดนลมพัดผ่านผิวรถซึ่งทำให้โมเลกุลบางส่วนของผิวรถเปลี่ยนไปหรือเปลี่ยนอะไหล่เพียงแค่ชิ้นเดียวก็เป็นรถคันใหม่แล้วครับผม 😁

  • @fonku.2880

    @fonku.2880

    Жыл бұрын

    แค่ชื่อก็สมมติ​แล้วครับ​จะรถ​จะคน​ หรือจะอะไร​คำตอบจึงใช่และไม่ใข่อย่างที่เม้นท์ข้างบนบอก​ตัวแปรสำคัญ​อาจคือ​"เวลา" ที่เอามาหารหรือลดทอน​พลังงานนั้นๆ ถ้ายาวจะรู้สึก​เหมือนมีตัวตน​ ถ้าสั้นมากๆ​เหมือนไม่มีตัวตน​ เช่น​ การมองเห็น​คน​ ​กับการมองเห็นวิญญาณ​ น่าจะพอเป็นคำตอบบางแง่มุมของ"ตัวตน"ในบางนิยามได้

  • @SuthepHeartSuitSudNarok
    @SuthepHeartSuitSudNarok Жыл бұрын

    ตัวตนที่หลงลืมตัวตนว่าแย่แล้ว ตัวตนที่หลงลืมตัวตนไปเป็นสัตว์นรกนั้นแย่กว่า ตัวตนที่หลงลืมตัวตนไม่เหลือความเป็นคนไม่มีความเป็นคนไปเป็นสิ่งที่ต่ำกว่าสัตว์นรกนั้นแย่ยิ่งกว่าทั้งเสียชาติเกิด

  • @nancybupphar7822
    @nancybupphar7822 Жыл бұрын

    ผมขอแสดงความเห็นครับ ผมเห็นว่า ตัวตน​ ไม่ได้มี​ ความไม่มีตัวตน​ ก็ไม่ได้มี​ ทั้งสองสิ่งนี้มนุษย์​ปรุงแต่ง(มโน)​กันเอง​ ทุกสิ่งดำเนินไป​ ไหลไป​ ตามเรื่องตามราวของมัน​ ทุกสิ่งล้วนไร้ความหมายใดๆ​ มันเป็นของมันเอง​ หลายท่าน​ มีข้อสงใสเกี่ยวกับมนุษ​ย์ ว่าแท้จริงแล้ว​ เราเกิดมาทำไม​ ทำสิ่งต่างๆไปเพื่ออะไร​ คำตอบก็คือ​ ไม่มี​ ทุกสิ่งดำเนินไปเองโดยไม่มีผู้ใดควบคุมสูงสุด​ แม้แต่ตัวตน​ ก็คือสิ่งที่สนุษย์คิดไปเอง​ ชีวิตมนุษย์​ นั้นไร้ซึ่งแก่นสาร​ สาระสำคัญใดๆ​ สักวันหนึ่ง​ เผ่าพันธ์มนุษย์​ ก็จะจบลง​อย่างไม่เหลือตำนานใดๆไว้​ ไม่มีคนรุ่นหลัง​ เหลือไว้แต่อวกาศที่ว่างปล่าวตลอดกาลนาน ทุกสิ่งล้วนเป็นเช่นนั้นเอง(ตถตา)​ วงจรสูงสุดของธรรมชาติ​ คือการเกิด และดับสลาย ทุกเสี้ยววินาที​ และทุกล้านปี​ มีการเกิดขึ้นและหายไป หรือจะกล่าวให้ลึกลงไปคือ​ แปรเปลี่ยนสภาพอยู่ตลอดเวลานั่นเอง "เห็น.....​แต่ไม่มีผู้เห็น"​ "ฟัง.....​แต่ไม่มีผู้ฟัง" "ได้ยิน.....​แต่ไม่มีผู้ได้ยิน"​ "คิด.....​แต่ไม่มีผู้คิด"​ "ตัวตนไม่มี​ แต่ความยึดถือซึ่งตัวตนมี"

  • @user-zb8mq3rw3r
    @user-zb8mq3rw3r Жыл бұрын

    นิยามคําว่าตัวตน พูดยังไงก็ใช่! สําหรับความคิดของทุกคน อธิบายได้หลากหลาย ทั้งเชิงรูปธรรมหรือเชิงนามธรรม สําหรับผม ตัวตนของเรา คืออะะไร ก็ดูจากสิ่งที่เราทํา ตัวตนของเราแท้จริง ก็คือผลงานของเรา เพราะว่า ถ้าตัวเราสิ้นไปแล้ว แต่ชื่อเสียง หรือผลงาน ยังคงอยู่เป็นตัวแทนของตัวตนเราตลอดไป................

  • @user-pq6dp4fk1u
    @user-pq6dp4fk1u Жыл бұрын

    พอจะมีหนังสือเกี่ยวปรัชญาเดี่ยวกับตัวตน ชีวิตแนะนําไหมครับผม🙏

  • @Contemplation9
    @Contemplation9 Жыл бұрын

    พุทธศาสนาคือคำตอบ

  • @chalerychulamanee4643
    @chalerychulamanee4643 Жыл бұрын

    ทิ้งท้ายได้คมมาก

Келесі