ต้นโพธิ์ พันธุ์ไม้ประจำจังหวัดปราจีนบุรี วรากรสมุนไพร โทร 0616498997 ไอดีไลน์ herbsddd

โพธิ์
ชื่อสามัญ Sacred tree, Sacred fig, Sacred fig Tree, The peepal tree, Peepul tree, Peepul of India, Pipal tree, Pipal of India, Bo tree, Bodhi Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ficus religiosa L.
วงศ์ขนุน MORACEAE
ชื่ออื่น สลี (ภาคเหนือ), สี สะหลี (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), โพ โพธิ โพศรีมหาโพ (ภาคกลาง), ย่อง (แม่ฮ่องสอน), ปู (เขมร), โพธิใบ
ต้นโพธิ์เป็นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดปราจีนบุรี
หมายเหตุ : คำว่า “โพธิ” แต่เดิมแล้วมิได้เป็นชื่อต้นไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง หากแต่เป็นชื่อเรียกของต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้น ๆ และได้ตรัสรู้ ต้นโพธิ์ จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์ และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย
ลักษณะ
· ต้นโพธิ์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มตรงส่วนยอดของลำต้น ปลายกิ่งลู่ลง กิ่งอ่อนเกลี้ยง ตามกิ่งมีรากอากาศห้อยลงมาบ้าง ลำต้นมีความสูงประมาณ 20-30 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-3 เมตร และมีน้ำยางสีขาว เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลปนเทา โคนต้นเป็นพูพอนขนาดใหญ่ โดยจัดเป็นพรรณไม้ที่มีรูปทรงของลำต้นส่วนงามชนิดหนึ่ง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ใช้กิ่งชำ หรือใช้กระโดงจากราก แต่ส่วนมากแล้วจะเจริญเติบโตจากสัตว์นำพา เช่น นกมากินเมล็ดและไปถ่ายทิ้งไว้ ก็จะเกิดเป็นต้นใหม่ขึ้นมา เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ต้องการน้ำปานกลาง พบขึ้นทั่วไปทั้งในทวีเอเชีย ปากีสถาน จีนตอนใต้ และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบในธรรมชาติน้อยมาก เข้าใจว่ากระจายพันธุ์มาจากต้นที่มีการนำมาปลูกเอง และพบขึ้นมากตามซากอาคาร และนิยมปลูกกันทั่วไปในวัดทุกภาคของประเทศไทย
· ต้นโพธิ์ เป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวมากชนิดหนึ่ง แต่เนื่องจากมีกิ่งก้านแยกสาขาออกจากลำต้นมาก จึงทำให้เกิดเชื้อราที่อาศัยความชุ่มชื้นจากน้ำฝนที่ขังอยู่ตามง่ามไม้ แผ่ขยายเข้าทำลายเนื้อไม้จนเป็นโพรง ซึ่งเรามักจะพบเห็นได้ในต้นโพธิ์ที่มีขนาดใหญ่และมีอายุมาก แต่ถ้าเป็นโพรงอย่างรุนแรงก็อาจทำให้ต้นโพธิ์ตายได้เหมือนกัน
· ใบโพธิ์ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปใจ ปลายใบแหลมและมีติ่งหรือหางยาว (ปลายติ่งบางใบมีความยาวมากกว่าครึ่งหนึ่งของใบ) โคนใบมนเว้าเข้าหาก้านใบเป็นรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12-24 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน เนื้อใบค่อนข้างเหนียว ใบมีลักษณะห้อยลง แผ่นใบเป็นสีเขียวนวล ๆ ส่วนยอดอ่อนหรือใบอ่อนนั้นเป็นสีน้ำตาลแดง ก่อนใบจะร่วงหล่นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก้านใบยาวและอ่อน มีความยาวได้ประมาณ 8-12 เซนติเมตร มีหูใบยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร หลุดร่วงได้ง่าย เมื่อลมพัดจะเห็นจะเห็นใบโพธิ์พลิ้วไปตามต้นใหญ่ดูสวยงาม ส่วนปลีที่หุ้มส่วนยอดอ่อนอ่อนสีครีมหรือสีงาช้างอมชมพู
· ดอกโพธิ์ ออกดอกเป็นช่อกลม ๆ รวมกันเป็นกระจุกภายในฐานรองดอกรูปคล้ายผล โดยจะออกที่ตอนปลายของกิ่ง ดอกย่อยเป็นแบบแยกเพศ ไม่มีก้าน มีใบประดับเล็กที่โคน ฐานดอกเป็นรูปทรงกลม ดอกย่อยมีขนาดเล็กและมีจำนวนมาก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ดอกเป็นสีเหลืองนวล และจะเจริญไปเป็นผล
· ผลโพธิ์ ผลเป็นผลรวม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.8 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูม่วง สีแดงคล้ำ หรือม่วงดำและร่วงหล่นลงมา
หมายเหตุ : ต้นโพธิ์ในสกุล Ficus จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ โพธิใบ (Ficus religiosa Linn.) ซึ่งกล่าวถึงในบทความนี้ และโพธิขี้นกหรือโพธิประสาท (Ficus rumphii Bl.) ข้อแตกต่างของโพธิทั้ง 2 ชนิดนี้คือ ใบและผลของใบโพธิขี้นกจะมีขนาดเล็กกว่าใบโพธิใบมาก ส่วนผลสุกของโพธิใบจะเป็นสีแดงคล้ำหรือสีม่วงดำ ในขณะที่ผลสุกของโพธิขี้นกจะเป็นสีดำ
สรรพคุณของต้นโพธิ์
1. ใบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการนำใบแก่ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว ใช้แบ่งดินก่อนอาหารเช้าและเย็น
2. ผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคหัวใจ
3. ผลมีสรรพคุณเป็นยาช่วยขับพิษ
4. เมล็ดใช้เป็นยาลดไข้
5. ใบมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้จับสั่นเรื้อรัง
6. เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ
7. ผลช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
8. น้ำจากเปลือกต้นใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน รักษารากฟันเป็นหนอง
9. รากใช้เป็นยารักษาโรคเหงือก
10. ใบใช้รักษาโรคคางทูม
11. ผลช่วยรักษาโรคหืด
12. ใบใช้รักษาโรคท้องผูก ท้องร่วง
13. ลำต้น ใบมีสรรพคุณเป็นยาถ่าย
14. ผลใช้รับประทานเป็นยาระบายอ่อน ๆ และช่วยในการย่อยอาหาร
15. เมล็ดใช้เป็นยา มีสรรพคุณช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และมีฤทธิ์เป็นยาระบายเช่นเดียวกับผล
16. เมล็ดใช้เป็นยาแก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
17. ยางใช้รักษาริดสีดวงทวาร
18. เปลือกต้นใช้ทำเป็นยาชงกินแก้โรคหนองใน
19. เปลือกต้นใช้เป็นยาล้างแผล ช่วยรักษาแผลเปื่อย
20. เปลือกต้นมีสรรพคุณช่วยสมานบาดแผล ห้ามเลือด ทำให้หนองแห้ง
21. ลำต้น ใบใช้เป็นยาบำบัดโรคผิวหนัง ส่วนเปลือกต้นใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง
22. ยางใช้เป็นยารักษาโรคหูด
23. ยางมีสรรพคุณเป็นยาแก้เท้าเป็นหน่อ แก้เท้าเป็นพยาธิ
24. เปลือกช่วยแก้กล้ามเนื้อช้ำบวม
25. รากใช้เป็นยารักษาโรคเก๊าท์

Пікірлер: 4

  • @user-pm7hr2se3e
    @user-pm7hr2se3e3 жыл бұрын

    สาธุคับ

  • @aruneewoods4131
    @aruneewoods41312 жыл бұрын

    ขอบคุณข้อมูลดีๆมากค่ะ

  • @channel-hc1qn
    @channel-hc1qn3 жыл бұрын

    เพิ่งรู้

  • @pansirikampagi8169
    @pansirikampagi81692 жыл бұрын

    ผมเจอต้นศรีมหาโพธิ์ด่างทั้งต้นไม่ทราบว่ามีหรือเปล่าหรือเป็นโรค..กันแน่ครับ

Келесі