เห็นธรรมดาของเราของตัวเอง ก็เห็นความจริงแท้ ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ด้วยตัวเอง แต่การเข้าไปเห็นว่าจิตใจมันเป็นจริงเช่นไร โดยมองเฉยๆ สักแต่รับรู้ สักแต่เห็น ความเป็นกลางก็ปรากฏ จิตใจ จะเจออะไร คิดอะไร รู้สึกยังไง เมื่อเจอกับชีวิตประจำ ก็แค่รับรู้ รู้ทันว่าเราคิดแบบนั้น จนจิตใจ ฉลาดพอ อยู่ระหว่าง จิตที่รับรู้ กับจิตที่คิดนึก ปรุงแต่ง มันเหมือน การดูหนัง ที่ทำได้แค่ดูรับรู้ ไม่ได้อิน ไม่ได้แสดง ไม่ได้กำกับหนัง จิตใจเป็นยังไงก็รู้ไปอย่างนั้น สุดท้ายเมื่อเห็นจนชำนาญ จนฉลาดพอ จะรู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังความคิดต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความเป็นคนของเรา ความกลัว ความอยาก ความยึดถือ ต่างๆ และสรุปได้ว่า ธรรมชาติ ธรรมดาของ จิตใจ ไม่สามารถสั่งหรือบังคับมันได้ เพราะมีเหตุ ที่ตกอยู่ในความเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอด เกิดจากการถูกบีบคั้น ดิ้นรน เสื่อมลง หนีทุกข์ และไม่ใช่เจ้าของ เพราะบังคับสั่งไม่ได้ ใจก็จะยอมรับความจริงได้ตัวจิตเอง
สาธุ ปุถุชน ดำเนินชีวิตอยู่ในสมมุติมายาด้านเดียว อริยะปัญญา ดำเนินชีวิตอยู่ระหว่าง สมมุติและวิมุติ ด้วยความตื่นรู้อิสระเบาสบาย ไม่เบียดเบียนสมมุติ ไม่ห่างวิมุติ เคารพสมมุติ เคารพวิมุติ ดำรงอยู่ในความว่างและไม่ว่าง ดำรงอยู่ในความมีและไม่มี อิสระทั้งสมมุติและวิมุติ ไม่อยู่ในความว่าง ไม่อยู่ในความมี มีก็ไช่ ไม่มีก็ไม่ อริยะปัญญา มิไช่ก้อนหินก้อนดิน
น้อมบูชาในความเมตตา สาธุเจ้าค่ะ
น้อมบูชาในความเมตตาธรรม ที่พระอาจารย์ชี้นำ สาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ...จะไม่เกิดสงคราม ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้ามีแนวคิดนี้
สาธุขอเข้ามาฟังธรรมด้วยคะ ขอให้ได้รุ้แจ้งเห็นธรรมะของพระพุทธเจ้าคะ
สาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
❤ ความคิดนึกตรึกตรอง ปรุงแต่ง , เวทนา , ตัณหา , อุปาทาน , กายหยาบ , กายละเอียด , กายทิพย์ , ความเป็นเราเป็นเขา / บดบังจิตเดิมแท้ ❤ เห็นเวทนาเกิดดับ , เห็นความคิดเกิดดับ / แต่ไม่เข้าไปเป็น ❤ ความมี , ความเป็น / เป็นกลไกของจิตที่สร้างขึ้นมา / แล้วก็ดับ กลับไปสู่ความไม่มี ❤ ความมี , ความว่าง / ล้วนเป็นมายา / เกิดดับ กลับไปกลับมา.....สักว่ารู้ความมี....สักว่ารู้ความว่าง
พุทธวจน ธรรมจากพระโอษฐิ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นความสุขของโลก ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลพุทธบริษัท และความตั้งมั่นในพระสัทธรรม สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบสาธุเจ้าคะ
สาธุค่ะ
สาธุพุทธะ
กราบสาธุธรรมค่ะ🙏🙏🙏🌷🌷🌷
สาธุเจ้าค่าๆๆ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
ผมฝึกและรู้ว่าคนที่เราเรียกว่าเราไม่ใช่เรา เรากับตัวตนบนโลกเป็นคนละอัน แยกกันอยู่ชัดเจน ตัวตนบนโลกเปนแค่ตัวแทนเท่านั้น ตัวตนจริงของเราไม่มีแต่มีอยู่ในความไม่มีนั่นล่ะ 😅 เราก็อยู่ที่เดิมเสมอมา อยู่ในความว่างที่ไม่เกิดไม่ดับไม่ไปไม่มาไม่สุขไม่ทุกข์ นี่รู้จากการค้นหานะไม่ได้ลอกใคร รู้ปานนี้แล้วแต่ยังไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าเลยคับ
สาธุๆๆขอรับท่านพ่อ
ทุกอย่างรอบตัวมีแต่สมมติ ตัวเราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ จิตเราเข้าไปสวมเท่านั้นเอง สาธุ
สาธุ
🙏🙏🙏
จบด้วยสีทองเหตุการณ์นี้เกิดที่ ดอยเกิ้ง.เชียงใหม่ ตอนสร้างพระไสยาสน์พระนลาฏจากซ้าย
สาธุขนาดงู 5 ตุ๊กแก 4 ยังต้องพิสูจน์ํธรรมมผ่านไป 1 ชั่วโมง ยังไม่ตายเลย แต่เจอป้าฏิหารย์,พระพุทธเจ้าถือบัว 5 สี คนละดอก คือ ชมพู ขาว เหลือง โอรส เขียวอ่อน สุดยอดปาฏิหาริย์พระองค์ท่าน,ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้
,🙏🙏🙏
เราหาวิถีปฏิบัติ ที่ไม่ไปข้องกับประเพณี พิธี ต่างๆ สถานที่นี้เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ครับ
ทุกๆอย่างที่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ล้วนแล้วเกิดมาจากธาตุทั้ง4คือธาจุดินน้ำลมและไฟ ไม่มีอะไรเลยบนโลกนี้ที่ท่านทั้งหลายคิดว่ามีอยู่จริงเพราะ1เราได้เห็น2เราได้ยิน3เราได้กลิ่น4เราได้ลิ้มรส5เราได้สัมผัสและ6เราจึงมีความรู้สึกทุกข์และสุขเพราะจิตนี้ยึดว่าสิ่งเหล่านั้นมีจริงเพราะนามทำให้สิ่งเหล่านั้นมีตัวมีตนขึ้นมาเราลองคิดว่าขิงสิ่งนั้นไม่มีชื่อเรียกเราก็แค่เห็นเฉยๆและได้ยินเสียงของสิ่งนั้นและไม่ได้ตั้งชื่อเรียกของสิ่งนั้นย่อมไม่มีตัวมีตนเพราะไม่ใช่สิ่งของๆใครและมีชื่อเรียกว่าอะไรแม้แต่ตัวเราที่สมมุติขึ้นตั้งชื่อเรียกขึ้นมาก็สำคัญว่านี่คือชื่อเราถ้าไม่มีชื่อเรียกทั้งมนุษย์สัตว์สิ่งของและวัตถุโลกนี้จะเห็นทุกข์ได้อย่างไรเพราะทุกๆอย่างเหมือนกันหมดไม่มีนามรูปย่อมไม่มีความหมายอะไรเพราะมีนามรูปจึงมีความหมายดังนี้แล😊😊😊
ข้อความทั้งหมดส่งเพื่อให้อ่านและพิจารณาเผื่อจะเกิดประโยชน์บ้างไม่มากก้อน้อย ไม่คิดจะก้าวล่วงองค์ความรู้ผู้ใด ทุกอย่างคือสิ่งที่ผมได้รู้และเห็นมาด้วยตัวเอง จากอานาปานสติ คือเห็นทุกข์ที่เกิดตามความเป็นจริง อริยสัจ4 ทุกข์ หรือทุกขเวทนา คือ สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกที่ตามองเห็นและตา มองไม่เห็นแต่สามารถเกิดเวทนาจนนำมายึดติดในตัวเราหรือจิตใจเราได้ มีรูปธรรมกับอรูปธรรม สมุทัย คือ การเกิดของทุกข์ เกิดมาจากรูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัสทุกข์นอกเหนือจากนี้คือทุกข์ที่เกิดจากการมโน หรือจิตเวทนาหรือทุกข์ทีาไม่มีในปัจจุบัน ทุกข์จะเกิดขึ้นในตัวเราหรือจิตใจเรา เกิดมาจากความคิดหรือเวนา ทุกข์คือการเกิด หรือปฎิฏจสมุบาท นิโรธ การดับของทุกข์ หรือวิธีที่ทำไม่ให้ทุกข์เกิด คือ อานาปานสติ มรรค คือ ทางที่ทุกข์เกิดและทางดับทุกข์มี 8 ทาง หรือมรรคมีองค์แปด ศิล สมาธิ ปัญญา คือ ใช้พิจารณาในการอยู่ร่วมกับทุกข์อย่างมีความสุข และใช้พิจารณาในการการแก้ไข ปัญหาหรือความทุก ทาน ศิล ภาวนา คือ การเริ่มนำทุกข์หรือเริ่มดับทุกข์ในตัวเรา พิจารณาจากขัน 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญา รูปกับทุกข์คือสิ่งเดียวกัน ตัดทุกข์ที่เกิดจาก รส กลิ่น เสียง และสัมผัสออก เหลือแต่รูปเพราะสังขาลยังอยู่ ยังต้องอาศัย ปัจจัย4 เวทนา คือ ความรู้สึกหรือความสุขพึงพอใจที่จะนำทุกข์มาสู่ตนก้อของใครของมันหรือปัจจัตตัง สัญญา คือ ความจำ หรือความรู้สึกของการกระทำ คำพูด และความคิดที่เกิดจากความคิดปรุงแต่ง วิญญา คือ จิตที่เป็นผู้รู้หรือสมถวิปัสนา หรือจิตที่เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง โดยไม่ยึดติดกับ ทุกข์หรือรูป เวทนา และสัญญา เมื่อสังขารดับเหลือแต่ วิญญา หรือจิตที่เป็นผู้รู้ เอาจิตมารู้ลม ก้อดับได้ทั้งห้าขัน สติปัฏฐาน 4 กาย คือ สังขาล ประกอบด้วย กายสังขารและจิตสังขาร กายสังขาล สามารถสร้างกรรมหรือการกระทำได้ สามทาง คือ 1.กายกรรม คือ การกระทำของสังขาลตัวเรา 2.มโนกรรม คือ การคิด 3.วจีกรรม คือ การพูด หรือ สังขาล3 โดยมี นิวรณ์5 เป็นตัวที่ทำให้ทุกข์เกิด คือ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส สังขาล รับรู้ทุกข์ที่เกิดได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตรับรู้แต่รับรู้ตามความจริงที่เกิด คือรู้และเห็นตามความจริง โดยไม่มีอารมณ์หรือเวทนาใดๆ เวทนา คือความรู้สึกหรืออารมณ์ ของสังขาร หรือ จิตเวทนา คือความคิดหรือสังขารปรุงแต่ง เช่นจริต นิสัย และการกระทำ จิต คือผู้รู้หรือพุทธะหรือสมถะวิปัสสนา ใช้จิตนี้คอยระวังจิตไม่ให้เกิดความคิดหรือสังขาลปรุงแต่ง คือมีสติอยู่กับการพูดและ การกระทำของปัจจุบัน ธรรม คือ คำสอนให้รู้จักทุกข์และอยู่ร่วมกับทุกข์ ทุกข์เป็นของใครของมันต้องเข้าใจเองเพราะเราก้อคือทุกข์ของคนอื่น คนอื่นก้อคือทุกข์ของเรา ศิล สมาธิ ปัญญา ศิลคือความเป็นอยู่ของมนุษย์ใช้ในการพิจารณาเพื่อใช้ในการอยู่ร่วมกันอย่างปกติ 1.ควรละเว้นจากการฆ่าสัตว์ พิจารณาการอยู่ร่วมกันของเรากับสัตว์ โลกอื่นๆ ไม่เบียดเบีย นกัน โดยยึดหลัก เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา 2.ละเว้นจากการลักทรัพย์ พิจารณาการนำเอาสิ่งต่างๆที่จะนำมาสู่ตัวเรา และจิตใจเราว่าควรนำมาแค่ใหนและอย่างไร 3.ไม่ผิดผัวผิดเมียใคร พิจารณาความเป็นอยู่ร่วมกันของบุคคลในครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ลูกเมียว่าสมควรอยู่ร่วมกันอย่างไร 4.การพูดก้อต้องไม่สมควรพูดโกหกต่อกัน พูดให้เขารักหรือเกลียดก้อเกิดทุกข์ 5.ควรละเว้นสิ่งที่จะทำให้เราขาดสติ หรือหลงงมงายจนอาจทำให้ขาดสติได้ สมาธิ คือ สติที่ตั้งมั่นอยู่ที่สัมมาสมาธิ ปัญญา คือความคิดในทางทีถูกที่ควร ใช้ปัญญารวมกับสมาธิพิจารณาศิลก้ออยู่ร่วมกับทุกข์ได้ ในคืนวันที่21พ.ค.66 ผมมีความทุกจนร้องให้เหมือนจะขาดใจตาย แต่มาเข้าใจตอนหลังว่ามันคือการเข้าถึงอานาปานสติ สิ่งที่ผมเข้าใจคือ คำว่าตรัสรู้ไม่ใช่คำราชาศัพท์แต่มันคือการพูดในสิ่งที่เรารู้ให้คนอื่นเข้าใจได้โดยไม่มีข้อสงสัย ผมจึงอยากจะบอกสิ่งที่ผมเห็นและรู้ในคืนนั้นให้ลองพิจารณากันดูอาจเกิดประโยชน์ แก่ผู้อื่นบ้างไม่มากก้อน้อย เวรกรรมชดใ้ช้ด้วยการเห็นสัญญาก่อนตายเคยทำให้คนอื่นรู้สึกอย่างไรก้อได้เห็นสิ่งนั้น แต่ได้รับความรู้สึกของคนนั้น ชดใช้อย่างยุติธรรม
🌸🙏🏻🌸
เจ็บที่ไม่ได้รับเชิญ จากคนบุญจะกลายเป็นคนบาปใช่ไหม
จิตฺตอะไรเจ้าค่ะที่ตำตาจิตฺเดิมเป็นจิตฺประะภัสสร ไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ
เกิดดับ
บ่อเคียยึดติดกับสิ่งต่างๆ
ยามเมื่อดอกไม้บานกระผมจะไปพบกับท่านพ่อ
สาธุๆๆเจ้าค่ะชอบฟังเสียงเรียบๆเย็นๆทำให้ใจเย็นไปด้วบเจ้าค่ะ
Пікірлер: 38
เห็นธรรมดาของเราของตัวเอง ก็เห็นความจริงแท้ ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ด้วยตัวเอง แต่การเข้าไปเห็นว่าจิตใจมันเป็นจริงเช่นไร โดยมองเฉยๆ สักแต่รับรู้ สักแต่เห็น ความเป็นกลางก็ปรากฏ จิตใจ จะเจออะไร คิดอะไร รู้สึกยังไง เมื่อเจอกับชีวิตประจำ ก็แค่รับรู้ รู้ทันว่าเราคิดแบบนั้น จนจิตใจ ฉลาดพอ อยู่ระหว่าง จิตที่รับรู้ กับจิตที่คิดนึก ปรุงแต่ง มันเหมือน การดูหนัง ที่ทำได้แค่ดูรับรู้ ไม่ได้อิน ไม่ได้แสดง ไม่ได้กำกับหนัง จิตใจเป็นยังไงก็รู้ไปอย่างนั้น สุดท้ายเมื่อเห็นจนชำนาญ จนฉลาดพอ จะรู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังความคิดต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความเป็นคนของเรา ความกลัว ความอยาก ความยึดถือ ต่างๆ และสรุปได้ว่า ธรรมชาติ ธรรมดาของ จิตใจ ไม่สามารถสั่งหรือบังคับมันได้ เพราะมีเหตุ ที่ตกอยู่ในความเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอด เกิดจากการถูกบีบคั้น ดิ้นรน เสื่อมลง หนีทุกข์ และไม่ใช่เจ้าของ เพราะบังคับสั่งไม่ได้ ใจก็จะยอมรับความจริงได้ตัวจิตเอง
สาธุ ปุถุชน ดำเนินชีวิตอยู่ในสมมุติมายาด้านเดียว อริยะปัญญา ดำเนินชีวิตอยู่ระหว่าง สมมุติและวิมุติ ด้วยความตื่นรู้อิสระเบาสบาย ไม่เบียดเบียนสมมุติ ไม่ห่างวิมุติ เคารพสมมุติ เคารพวิมุติ ดำรงอยู่ในความว่างและไม่ว่าง ดำรงอยู่ในความมีและไม่มี อิสระทั้งสมมุติและวิมุติ ไม่อยู่ในความว่าง ไม่อยู่ในความมี มีก็ไช่ ไม่มีก็ไม่ อริยะปัญญา มิไช่ก้อนหินก้อนดิน
น้อมบูชาในความเมตตา สาธุเจ้าค่ะ
น้อมบูชาในความเมตตาธรรม ที่พระอาจารย์ชี้นำ สาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ...จะไม่เกิดสงคราม ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้ามีแนวคิดนี้
สาธุขอเข้ามาฟังธรรมด้วยคะ ขอให้ได้รุ้แจ้งเห็นธรรมะของพระพุทธเจ้าคะ
สาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุในธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
❤ ความคิดนึกตรึกตรอง ปรุงแต่ง , เวทนา , ตัณหา , อุปาทาน , กายหยาบ , กายละเอียด , กายทิพย์ , ความเป็นเราเป็นเขา / บดบังจิตเดิมแท้ ❤ เห็นเวทนาเกิดดับ , เห็นความคิดเกิดดับ / แต่ไม่เข้าไปเป็น ❤ ความมี , ความเป็น / เป็นกลไกของจิตที่สร้างขึ้นมา / แล้วก็ดับ กลับไปสู่ความไม่มี ❤ ความมี , ความว่าง / ล้วนเป็นมายา / เกิดดับ กลับไปกลับมา.....สักว่ารู้ความมี....สักว่ารู้ความว่าง
พุทธวจน ธรรมจากพระโอษฐิ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นความสุขของโลก ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลพุทธบริษัท และความตั้งมั่นในพระสัทธรรม สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบสาธุเจ้าคะ
สาธุค่ะ
สาธุพุทธะ
กราบสาธุธรรมค่ะ🙏🙏🙏🌷🌷🌷
สาธุเจ้าค่าๆๆ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
ผมฝึกและรู้ว่าคนที่เราเรียกว่าเราไม่ใช่เรา เรากับตัวตนบนโลกเป็นคนละอัน แยกกันอยู่ชัดเจน ตัวตนบนโลกเปนแค่ตัวแทนเท่านั้น ตัวตนจริงของเราไม่มีแต่มีอยู่ในความไม่มีนั่นล่ะ 😅 เราก็อยู่ที่เดิมเสมอมา อยู่ในความว่างที่ไม่เกิดไม่ดับไม่ไปไม่มาไม่สุขไม่ทุกข์ นี่รู้จากการค้นหานะไม่ได้ลอกใคร รู้ปานนี้แล้วแต่ยังไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าเลยคับ
สาธุๆๆขอรับท่านพ่อ
ทุกอย่างรอบตัวมีแต่สมมติ ตัวเราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ จิตเราเข้าไปสวมเท่านั้นเอง สาธุ
สาธุ
🙏🙏🙏
จบด้วยสีทองเหตุการณ์นี้เกิดที่ ดอยเกิ้ง.เชียงใหม่ ตอนสร้างพระไสยาสน์พระนลาฏจากซ้าย
สาธุขนาดงู 5 ตุ๊กแก 4 ยังต้องพิสูจน์ํธรรมมผ่านไป 1 ชั่วโมง ยังไม่ตายเลย แต่เจอป้าฏิหารย์,พระพุทธเจ้าถือบัว 5 สี คนละดอก คือ ชมพู ขาว เหลือง โอรส เขียวอ่อน สุดยอดปาฏิหาริย์พระองค์ท่าน,ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้
,🙏🙏🙏
เราหาวิถีปฏิบัติ ที่ไม่ไปข้องกับประเพณี พิธี ต่างๆ สถานที่นี้เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ครับ
ทุกๆอย่างที่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ล้วนแล้วเกิดมาจากธาตุทั้ง4คือธาจุดินน้ำลมและไฟ ไม่มีอะไรเลยบนโลกนี้ที่ท่านทั้งหลายคิดว่ามีอยู่จริงเพราะ1เราได้เห็น2เราได้ยิน3เราได้กลิ่น4เราได้ลิ้มรส5เราได้สัมผัสและ6เราจึงมีความรู้สึกทุกข์และสุขเพราะจิตนี้ยึดว่าสิ่งเหล่านั้นมีจริงเพราะนามทำให้สิ่งเหล่านั้นมีตัวมีตนขึ้นมาเราลองคิดว่าขิงสิ่งนั้นไม่มีชื่อเรียกเราก็แค่เห็นเฉยๆและได้ยินเสียงของสิ่งนั้นและไม่ได้ตั้งชื่อเรียกของสิ่งนั้นย่อมไม่มีตัวมีตนเพราะไม่ใช่สิ่งของๆใครและมีชื่อเรียกว่าอะไรแม้แต่ตัวเราที่สมมุติขึ้นตั้งชื่อเรียกขึ้นมาก็สำคัญว่านี่คือชื่อเราถ้าไม่มีชื่อเรียกทั้งมนุษย์สัตว์สิ่งของและวัตถุโลกนี้จะเห็นทุกข์ได้อย่างไรเพราะทุกๆอย่างเหมือนกันหมดไม่มีนามรูปย่อมไม่มีความหมายอะไรเพราะมีนามรูปจึงมีความหมายดังนี้แล😊😊😊
@oooooo9435
9 ай бұрын
ข้อความทั้งหมดส่งเพื่อให้อ่านและพิจารณาเผื่อจะเกิดประโยชน์บ้างไม่มากก้อน้อย ไม่คิดจะก้าวล่วงองค์ความรู้ผู้ใด ทุกอย่างคือสิ่งที่ผมได้รู้และเห็นมาด้วยตัวเอง จากอานาปานสติ คือเห็นทุกข์ที่เกิดตามความเป็นจริง อริยสัจ4 ทุกข์ หรือทุกขเวทนา คือ สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกที่ตามองเห็นและตา มองไม่เห็นแต่สามารถเกิดเวทนาจนนำมายึดติดในตัวเราหรือจิตใจเราได้ มีรูปธรรมกับอรูปธรรม สมุทัย คือ การเกิดของทุกข์ เกิดมาจากรูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัสทุกข์นอกเหนือจากนี้คือทุกข์ที่เกิดจากการมโน หรือจิตเวทนาหรือทุกข์ทีาไม่มีในปัจจุบัน ทุกข์จะเกิดขึ้นในตัวเราหรือจิตใจเรา เกิดมาจากความคิดหรือเวนา ทุกข์คือการเกิด หรือปฎิฏจสมุบาท นิโรธ การดับของทุกข์ หรือวิธีที่ทำไม่ให้ทุกข์เกิด คือ อานาปานสติ มรรค คือ ทางที่ทุกข์เกิดและทางดับทุกข์มี 8 ทาง หรือมรรคมีองค์แปด ศิล สมาธิ ปัญญา คือ ใช้พิจารณาในการอยู่ร่วมกับทุกข์อย่างมีความสุข และใช้พิจารณาในการการแก้ไข ปัญหาหรือความทุก ทาน ศิล ภาวนา คือ การเริ่มนำทุกข์หรือเริ่มดับทุกข์ในตัวเรา พิจารณาจากขัน 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญา รูปกับทุกข์คือสิ่งเดียวกัน ตัดทุกข์ที่เกิดจาก รส กลิ่น เสียง และสัมผัสออก เหลือแต่รูปเพราะสังขาลยังอยู่ ยังต้องอาศัย ปัจจัย4 เวทนา คือ ความรู้สึกหรือความสุขพึงพอใจที่จะนำทุกข์มาสู่ตนก้อของใครของมันหรือปัจจัตตัง สัญญา คือ ความจำ หรือความรู้สึกของการกระทำ คำพูด และความคิดที่เกิดจากความคิดปรุงแต่ง วิญญา คือ จิตที่เป็นผู้รู้หรือสมถวิปัสนา หรือจิตที่เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง โดยไม่ยึดติดกับ ทุกข์หรือรูป เวทนา และสัญญา เมื่อสังขารดับเหลือแต่ วิญญา หรือจิตที่เป็นผู้รู้ เอาจิตมารู้ลม ก้อดับได้ทั้งห้าขัน สติปัฏฐาน 4 กาย คือ สังขาล ประกอบด้วย กายสังขารและจิตสังขาร กายสังขาล สามารถสร้างกรรมหรือการกระทำได้ สามทาง คือ 1.กายกรรม คือ การกระทำของสังขาลตัวเรา 2.มโนกรรม คือ การคิด 3.วจีกรรม คือ การพูด หรือ สังขาล3 โดยมี นิวรณ์5 เป็นตัวที่ทำให้ทุกข์เกิด คือ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส สังขาล รับรู้ทุกข์ที่เกิดได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตรับรู้แต่รับรู้ตามความจริงที่เกิด คือรู้และเห็นตามความจริง โดยไม่มีอารมณ์หรือเวทนาใดๆ เวทนา คือความรู้สึกหรืออารมณ์ ของสังขาร หรือ จิตเวทนา คือความคิดหรือสังขารปรุงแต่ง เช่นจริต นิสัย และการกระทำ จิต คือผู้รู้หรือพุทธะหรือสมถะวิปัสสนา ใช้จิตนี้คอยระวังจิตไม่ให้เกิดความคิดหรือสังขาลปรุงแต่ง คือมีสติอยู่กับการพูดและ การกระทำของปัจจุบัน ธรรม คือ คำสอนให้รู้จักทุกข์และอยู่ร่วมกับทุกข์ ทุกข์เป็นของใครของมันต้องเข้าใจเองเพราะเราก้อคือทุกข์ของคนอื่น คนอื่นก้อคือทุกข์ของเรา ศิล สมาธิ ปัญญา ศิลคือความเป็นอยู่ของมนุษย์ใช้ในการพิจารณาเพื่อใช้ในการอยู่ร่วมกันอย่างปกติ 1.ควรละเว้นจากการฆ่าสัตว์ พิจารณาการอยู่ร่วมกันของเรากับสัตว์ โลกอื่นๆ ไม่เบียดเบีย นกัน โดยยึดหลัก เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา 2.ละเว้นจากการลักทรัพย์ พิจารณาการนำเอาสิ่งต่างๆที่จะนำมาสู่ตัวเรา และจิตใจเราว่าควรนำมาแค่ใหนและอย่างไร 3.ไม่ผิดผัวผิดเมียใคร พิจารณาความเป็นอยู่ร่วมกันของบุคคลในครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ลูกเมียว่าสมควรอยู่ร่วมกันอย่างไร 4.การพูดก้อต้องไม่สมควรพูดโกหกต่อกัน พูดให้เขารักหรือเกลียดก้อเกิดทุกข์ 5.ควรละเว้นสิ่งที่จะทำให้เราขาดสติ หรือหลงงมงายจนอาจทำให้ขาดสติได้ สมาธิ คือ สติที่ตั้งมั่นอยู่ที่สัมมาสมาธิ ปัญญา คือความคิดในทางทีถูกที่ควร ใช้ปัญญารวมกับสมาธิพิจารณาศิลก้ออยู่ร่วมกับทุกข์ได้ ในคืนวันที่21พ.ค.66 ผมมีความทุกจนร้องให้เหมือนจะขาดใจตาย แต่มาเข้าใจตอนหลังว่ามันคือการเข้าถึงอานาปานสติ สิ่งที่ผมเข้าใจคือ คำว่าตรัสรู้ไม่ใช่คำราชาศัพท์แต่มันคือการพูดในสิ่งที่เรารู้ให้คนอื่นเข้าใจได้โดยไม่มีข้อสงสัย ผมจึงอยากจะบอกสิ่งที่ผมเห็นและรู้ในคืนนั้นให้ลองพิจารณากันดูอาจเกิดประโยชน์ แก่ผู้อื่นบ้างไม่มากก้อน้อย เวรกรรมชดใ้ช้ด้วยการเห็นสัญญาก่อนตายเคยทำให้คนอื่นรู้สึกอย่างไรก้อได้เห็นสิ่งนั้น แต่ได้รับความรู้สึกของคนนั้น ชดใช้อย่างยุติธรรม
🌸🙏🏻🌸
เจ็บที่ไม่ได้รับเชิญ จากคนบุญจะกลายเป็นคนบาปใช่ไหม
จิตฺตอะไรเจ้าค่ะที่ตำตาจิตฺเดิมเป็นจิตฺประะภัสสร ไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ
เกิดดับ
บ่อเคียยึดติดกับสิ่งต่างๆ
ยามเมื่อดอกไม้บานกระผมจะไปพบกับท่านพ่อ
สาธุๆๆเจ้าค่ะชอบฟังเสียงเรียบๆเย็นๆทำให้ใจเย็นไปด้วบเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
สาธุค่ะ
สาธุค่ะ