สารถีสามชั้น : ครูประเวช กุมุท เดี่ยวซอด้วง

สารถีสามชั้น : ครูประเวช กุมุท เดี่ยวซอด้วง
ซอด้วง : ครูประเวช กุ​มุท
- สารถีสามชั้น -​
สารถีสามชั้น เดิมเป็นเพลงอัตราจังหวะสองชั้นทำนองเก่าสมัยอยุธยา​ เป็นเพลงสามท่อนรวมอยู่ในเพลงช้าเรื่องสารถี มีผู้นิยมนำมาใช้ประกอบการแสดงละคร ต่อมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓)​ พระประดิษฐ์​ไพเราะ (มี ดุริยางกูร)​ ได้นำมาขยายเป็นอัตราจังหวะสามชั้น และต่อมาได้มีผู้นำมาแต่งตัดลงเป็นอัตราจังหวะชั้นเดียวจนครบเป็นเพลงเถา นิยมใช้บรรเลงทั้งทางธรรมดาและทางเดี่ยวสำหรับอวดฝีมือ.
- ประวัติ ครูประเวช กุ​มุท -
ครูประเวช กุมุท เป็นลูกชาวนา เกิดที่ ตำบลคานหาม อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๖ บิดาชื่อ นายวง มารดาชื่อ ชุ่ม มีปู่และย่าชื่อ กลับและสาย มีพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๑ คน ชื่อโกวิท กุมุท ซึ่งเป็นนักดนตรีและควบคุมวงอังกะลุง
เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนมัธยมดำเนินศึกษา จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จึงย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนนาฏดุริยางค์ กรมศิลปากร คือ วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน จนจบชั้นมัธยมศึกษาบริบูรณ์ต่อจากนั้นจึงได้เข้าเรียนเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อจบชั้นเตรียมปริญญาแล้วก็เลิกเรียน เนื่องจากได้เข้ารับราชการในกรมศิลปากร
พ.ศ.๒๔๙๐ รับราชการในตำแหน่งศิลปินตรีที่แผนกดุริยางค์ไทย กรมศิลปากร จนถึง พ.ศ.๒๕๐๗ แล้วลาออกไปทำงานที่ธนคารไทยพาณิชย์ในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยทะเบียน จนถึง พ.ศ.๒๕๒๒ จึงได้ย้ายไปทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทย ณ วิทยาลัยนาฏศิลป จังหวัดเชียงใหม่
เนื่องจากมีนิสัยรักดนตรีมาตั้งแต่อายุยังน้อยบิดาจึงสอนให้หัดร้องเพลง ๒ ชั้น ง่ายๆ ตั้งแต่ อายุ ๑๖ ปี (พ.ศ.๒๔๗๒) เพลงที่ต่อจากบิดาได้แก่ จระเข้หางยาว เขมรพระปทุม และเพลงจีนขิมเล็ก แล้วยังได้เรียนขิม โทนรำมะนาและกลองแขกจากท่านบิดาด้วย
เมื่อย้ายมาเรียนต่อในโรงเรียนนาฏดุริยางค์แล้วได้ต่อซอด้วงจากครูมี พูลเจริญ และครูโสภณ ซื่อต่อชาติ ซึ่งสอนซอด้วงและขลุ่ย เพลงที่เรียนส่วนมากเป็นเพลงบังคับตามหลักสูตรของโรงเรียน เช่น จระเข้หางยาว แป๊ะ บุหลัน สี่บท เป็นต้น
ครูประเวชได้เรียนเดี่ยวซอด้วงและซออู้กับครูปลั่ง วนเขจร ได้เพลงนกขมิ้น ก็พอดีเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาเมื่อเข้ารับราชการในกรมศิลปากรแล้วจึงได้ต่อเพลงทางซออู้และซอสามสายจากครูอนันต์ ดูรยชีวิน จนได้เพลงเดี่ยวพญาโศก เพลงเดี่ยวต่างๆ จนถึงเดี่ยวกราวใน และเรียนดีดจะเข้กับครูละเมียด จิตตเสวี (นางสนิทบรรเลงการ) จนถึงเดี่ยวลาวแพนได้
ต่อมามีโอกาสได้เป็นศิษย์ของหลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยชีวิน) ซึ่งนับเป็นครูคนสุดท้ายที่ถ่ายทอดวิชาการดนตรีไทยให้แก่ครูประเวชอย่างละเอียดละออ ทั้งเทคนิคการสีซอทุกชนิด การสีคลอร้องทางเพลงต่างๆ วิธีการสีกับวงดนตรีทุกประเภทจนถึงการสีเพลงเดี่ยวต่างๆ รวมทั้งได้ปรับปรุงทางเพลงที่ได้มาก่อนให้ไพเราะขึ้นจนสามารถสีซอได้ยอดเยี่ยม ทั้งซอด้วง ซออู้ และซอสามสาย เพลงเดี่ยวที่สีได้เพราะมาก ได้แก่ เพลงนกขมิ้น ลาวแพน พญาโศก กราวใน เชิดนอก ทะแย และทยอยเดี่ยว เป็นต้น และยังมีความสามารถในการตีระนาด ฆ้องวงใหญ่ รวมทั้งเครื่องหนังอีกด้วย ได้เรียนเพลงหน้าพาทย์ต่างๆ จากอาจารย์มนตรี ตราโมท
ความสามารถในการขับร้องนั้น ร้องเพลงได้ทุกประเภท แม้กระทั่งเพลงพื้นเมือง และตีกรับขับเสภาได้ไพเราะมากด้วย ระดับเสียงของครูประเวชนั้น เป็นเสียงนอกระดับเสภาจนถึงเสียงบนสุด (เสียงชวาไม่หลบ)
ครูประเวชได้เริ่มถ่ายทอดวิชาการดนตรีไทยให้แก่รุ่นน้องตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ในโรงเรียนนาฏดุริยางค์ มีอายุประมาณ ๒๐ ปีถนัดสอนเครื่องสายและมโหรี เคยสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งโดยวิธีจำและวิธีอ่านโน้ต เคยมีผลงานทางด้านการแต่งเพลงไว้หลายเพลงด้วยกัน อาทิเช่น แต่งบทร้องเพลงตะลุ่มโปงเถา แต่งทั้งบทร้องและทำนองเพลงแขกเล่นกลเถา ซึ่งได้รับรางวัลในการประกวดเครื่องสายไทยของธนาคารกสิกรไทยเป็นต้น นอกจากจะสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ครูยังได้รับเชิญให้ไปบรรยายเรื่องเกี่ยวกับดนตรีไทยและประวัติเพลงตามสถาบันต่างๆ และทางสถานีวิทยุ โทรทัศน์อยู่เสมอ ซึ่งในการบรรยายแต่ละครั้งมักจะมีเอกสารประกอบการบรรยายด้วยเสมอ ผลงานที่เกี่ยวข้องกับดนตรีไทยที่ครูภูมิใจ นอกจากรางวัลจากเพลงแขกเล่นกลเถาแล้ว ยังได้รับรางวัลในการแต่งบทละคร เรื่องเอกราชสุโขทัยด้วย ผลงานทางการบันทึกเสียง บันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกกับวงดนตรีดุริยประณีตในเสภาเรื่องกากี คู่กับครูเหนี่ยว ดุริยพันธุ์ บันทึกแผ่นเสียงกับบริษัทศรีกรุง ห้างนาย ต.เง็กชวน และอัดเสียงลงในแผ่นลองเพลย์ ในเพลงโสมส่องแสง เขมรลออองค์เถา กับวงดนตรีของกรมศิลปากรที่ห้างกมลสุโกศล
ครูประเวช กุมุท ได้สมรสกับนางกนกรัตน์ มีบุตรธิดาด้วยกัน ๔ คน ครูประเวช พักอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑ ถนนสุริยวงค์ ๕ ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ครูประเวช กุมุท ได้ถึงแก่กรรมลงเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๒ สิริอายุรวม ๗๖ ปี.
(ที่มาประวัติเพลง, ประวัติครูประเวช กุมุท : ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ พูนพิศ อมาตยกุล, เว็บไซต์ห้องสมุดดนตรีสมเด็จพระเทพรัตน์, เภสัชกร กานต์ สุวรรณกิติ)
ที่มาภาพถ่ายครูประเวช กุ​มุท : เภสัชกร กานต์ สุวรรณกิติ
เทปคาสเซ็ท​ ที่ระลึก ครบ ๖ รอบ ครูประเวช กุมุท
ศิลปินแห่งชาติ ประจำปึ ๒๕๓๒
สำเนาเสียงจากเทปคาส​เซ็ท​ : ฉ​ั​ต​รกร​ เกตุ​มี
เพื่อการเผยแพร่อนุรักษ์​เพลงไทย​ใน​การศึกษา​ มิได้มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์และแสวงหารายได้
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ : / @deklenkhimchannel7019

Пікірлер

    Келесі