Audemars Piguet เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิการะดับ Holy Trinity และมีประวัติศาสตร์ในการผลิตนาฬิกามายาวนาน ด้วยความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกา รวมทั้งมีคอลเลกชันอันโดดเด่นอย่าง Royal Oak ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เรามาดูกันว่าเส้นทางของ AP มีความเป็นมาอย่างไร
จุดเริ่มต้นของ Audemars Piguet ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1875 เมื่อ Jules Louis Audemars และ Edward August Piguet ช่างนาฬิกามากฝีมือทั้งสองคน ที่มีความตั้งใจอันแรงกล้าอยากจะสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีความซับซ้อนคุณภาพสูง ทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อตั้งโรงงานขึ้นในหมู่บ้าน Le Brassus ณ เมือง Vallée de Joux ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจัดตั้งบริษัทขึ้นในปี ค.ศ. 1881 ภายใต้ชื่อ Audemars Piguet & Cie
Audemars Piguet สร้างสถิติระดับโลก
ในปี 1899 Audemars Piguet ก็เริ่มก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลก โดยทางแบรนด์สามารถผลิตกลไกที่มีฟังก์ชัน Minute Repeater ที่ใช้กับนาฬิกาข้อมือได้เป็นครั้งแรกของโลก และในปีเดียวกัน ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาพก Grand Complication ที่ประกอบไปด้วยฟังก์ชันอันสลับซับซ้อน ต่อมาในปี 1921 แบรนด์ AP ก็สามารถประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาแบบ "ที่สุดของโลก" ได้ถึง 3 เรือน เริ่มจากนาฬิกาข้อมือแบบ Jumping-Hour เรือนแรกของโลก ถัดมาทางแบรนด์ประสบความสำเร็จในการผลิตกลไกนาฬิกาพกที่บางที่สุด ณ ขณะนั้น และสุดท้าย Audermars Piguet ได้เปิดตัวกลไก Minute Repeater ที่เล็กที่สุดในโลกด้วย
แต่แล้ววิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วงยุค 30s ก็ส่งผลต่อแบรนด์เป็นอย่างมากจนถึงขั้นที่บริษัทเกือบจะต้องปิดตัวลง แต่พวกเขายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานาฬิกาต่อไป จนกระทั่งปี 1934 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือแบบ Skeleton เรือนแรกของแบรนด์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเรือนแรกของโลกด้วย
หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทาง AP ก็เดินหน้าต่อไปพร้อมกับเปิดตัว Calibre 9ML ซึ่งเป็นกลไกนาฬิกาข้อมือที่บางที่สุดในโลกในเวลานั้น โดยมีความหนาทั้งหมดเพียง 1.64 มิลลิเมตร
Royal Oak ไอค่อนระดับตำนาน
ในช่วงยุค 70s เป็นช่วงที่ตลาดนาฬิกาสวิสฯ ต้องเผชิญกับ Quartz Crisis Audermars Piguet ต้องต่อสู้เพื่ออยู่รอดเช่นกัน AP จึงเลือก “Gerald Genta” ให้มาช่วยออกแบบนาฬิกาแบบใหม่ให้ออกมามีหน้าตาที่ดูโดดเด่นและแปลกตากว่ารุ่นอื่น ๆ โดยเขาใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการร่างแบบ Royal Oak เป็นการฉีกกรอบดีไซน์นาฬิกาในแบบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง
โดยในปี 1972 แบรนด์ AP ก็ได้เปิดตัว Royal Oak ในงาน Basel Fair โดยมีราคาอยู่ที่ 3,300 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 110,000 บาท ซึ่งแพงกว่านาฬิกาเรือนทองของ Patek Philippe และ Rolex Submariner ถึง 10 เท่า จึงถูกวิจารณ์อย่างหนัก ในเรื่องการดีไซน์ที่มีความแปลกแหวกแนว แบบที่ไม่มีใครทำมาก่อน ซึ่งในช่วงแรกแบรนด์ AP ใช้เวลาขายเกือบ 3 ปีเต็ม หลังจากนั้นไม่นาน นักสะสมก็เริ่มให้ความสนใจ Royal Oak เพิ่มขึ้น
กำเนิดกลไก Automatic Tourbillon ที่บางที่สุดในโลก
ในปี 1986 แบรนด์ AP ก็สามารถสร้างสถิติโลกอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Audemars Piguet 25643 Ultra Thin Automatic Tourbillon Calibre 2870 นาฬิกากลไกออโตเมติกทูร์บิญองที่บางเฉียบที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา โดยกลไกมีความหนารวมเพียง 4.8 มิลลิเมตร ซึ่งความสามารถในการสร้างสรรค์นาฬิกาของ AP ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการนาฬิกาทั่วโลก
กำเนิด Royal Oak Offshore
Royal Oak Offshore ได้กำเนิดขึ้นในปี 1993 โดยพัฒนามาจาก Royal Oak โดยทางแบรนด์ต้องการให้นาฬิการุ่นนี้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้มากขึ้น รวมถึงกลุ่มคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง จึงได้ว่าจ้างนักออกแบบรุ่นใหม่ชื่อ Emmanuel Gueit ให้มาออกแบบนาฬิกาเรือนใหม่ จึงออกมาเป็น Royal Oak Offshore อันโดดเด่นด้วยความสปอร์ตสุดขีด
Audemars Piguet ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน แบรนด์ Audemars Piguet ยังคงผลิตนาฬิกาออกมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่างในปี 2017 ทางแบรนด์ได้เปิดตัว Royal Oak Perpetual Calendar With Ceramic นาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ที่ใช้วัสดุสุดล้ำอย่าง White Ceramic หรือ Black Ceramic ที่มีคุณสมบัติด้านความแข็งแรงทนทาน ถึงแม้รุ่นนี้จะไม่ใช่ Limited Edition แต่ก็เป็นการผลิตที่จำกัด ทำให้มีราคาขายต่อมือสอง มีมูลค่าสูงถึง 5.2 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2018 ทางแบรนด์ก็ทำสถิติโลกอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Royal Oak Selfwinding Perpetual Calendar Ultra-Thin นาฬิกาข้อมือปฏิทินถาวรอัตโนมัติที่บางที่สุดในโลก
นอกจากนี้ก็ยังได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ในปี 2019 CODE 11.59 Perpetual Calendar ที่ตัวเรือนทำจาก Pink Gold 18k หน้าปัดทำจากหินอเวนเจอรีน (Aventurine) สีน้ำเงิน คล้ายกับแสงระยิบระยับราวกับหมู่ดาวยามค่ำคืน มาพร้อมระบบปฏิทินถาวร
ต่อมาในปี 2021 แบรนด์ AP ได้จับมือกับ Marvel เพื่อรังสรรค์นาฬิกาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงาม ล้ำสมัย โดยการเปิดตัว Audemars Piguet Royal Oak Concept Black Panther Flying Tourbillon นาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคาแรกเตอร์ Black Panther โดยนาฬิการุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพียงแค่ 250 เรือนเท่านั้น
ทั้งนี้ Royal Oak ก็ยังคงเป็นไอค่อนในตำนานมาโดยตลอด ตอกย้ำด้วยรางวัล Iconic Watch Prize จากงาน Prix d’Horlogerie de Genève 2021 โดยรุ่นที่ได้รับรางวัลนั้นก็คือ Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ความพิเศษของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่หน้าปัดสีเขียวรมควันที่ขัดแต่งด้วยเทคนิค Smoked Green Sunburst เพื่อให้ได้สีที่มีการไล่ระดับจากตรงกลางเขียวแผ่ออกไปยังขอบจะมีสีดำ ส่วนตัวเรือนผลิตจาก Platinum 950 ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
ติดตามคอนเทนต์นาฬิกาที่น่าสนใจได้ที่ / auctionhouse.th
ซื้อ-ขายนาฬิกามือสองได้ที่ www.auctionhouse.co.th/
อย่าลืมกดติดตามเพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
#AuctionHouse #WatchReview #WatchInsights #ลงทุนนาฬิกา #รีวิวนาฬิกา