(New)สำนักเขาอ้อ “ตักศิลาไสยเวทย์แดนใต้” อดีตปรมาจารย์ พิธีกรรมความเชื่อ เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล

#โสฬสchannel #เขาอ้อ สำนักไสยเวทย์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างนาน เป็นที่ศรัทธาของคนทั่วประเทศ คือ สำนักเขาอ้อ แห่งเมืองพัทลุง ที่มีครูบาอาจารย์ ผู้มีพุทธาคมเข้มขลัง ที่เรารู้จัก เช่น ท่านพระอาจารย์ทองเฒ่า พระอาจารย์ปาน ปาลธัมโม พระอาจารย์นำ แห่งวัดดอนศาลาศิษย์ฆราวาส ท่านที่คนรู้จักนับถือขื่อของ พลตำรวจตรีขุนพันธ์รักษ์ราชเดช อาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์ฉันทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช อาจารย์เปลี่ยน หัทยานนท์ อาจารย์ประจวบ คงเหลือ ฯลฯ ล้วนเป็นศิษย์สำนักพุทธาคมเขาอ้อที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือทั้งสิ้น
สำนักเขาอ้อ ในอดีตไม่ได้สอนแต่ไสยเวทย์อาคม แต่สอนทั้งอักขรวิธี ความรู้ด้านการปกครอง การรบ การจัดทัพ การแพทย์จนถึงไสยเวทย์ เดิมวิชาของเขาอ้อ มีอาจารย์ใหญ่ 2 ท่าน เป็นผู้บอกวิชา การสืบทอดวิชาโดยพราหมณ์สืบต่อกันมาหลายร้อยปีจนถึงพราหมณ์รุ่นสุดท้าย ท่านพราหมณ์เห็นว่าเมื่อสิ้นท่านแล้ว สำนักเขาอ้อและถ้ำฉัททันต์บรรพตซึ่งเป็นที่รักษาร่างครูอาจารย์มาแต่อดีตไม่ควรปล่อยให้ทิ้งร้าง เมื่ออิทธิพลของศาสนาพุทธแผ่ปกคลุมอาณาสทิงปุระ จึงเห็นควรฝากสำนักสืบทอดให้กับผู้ที่อยู่ในพระพุทธศาสนา จึงเลือกเชิญพระอาจารย์ทองมาอยู่ที่เขาอ้อโดยมอบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และถ่ายทอดวิชาให้สำนักเขาอ้อจึงเป็นพุทธสถานมาแต่นั้น เขาอ้อมีบทบาทสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยเป็นสถานที่สั่งสอนสรรพวิชาให้ผู้คน เขาอ้อได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์และสืบทอดสนับสนุนมาอย่างยาวนาน
การถ่ายทอดวิชาของสำนักเขาอ้อจะดูจากลักษณะนิสัยของผู้เรียนว่าเหมาะจะรับการถ่ายทอดวิชาแบบไหน จะรับวิชาได้หรือไม่ ศิษย์เขาอ้อแต่ละคนจึงได้วิชาแตกต่างกันตามลักษณะนิสัย
เขาอ้อ มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คือ ถ้ำฉัททันต์บรรพต ที่เป็นทั้งเทวสถาน และพุทธสถาน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้เก็บร่างของพราหมณ์โบราณาจารย์ และพระสงฆ์ผู้ทรงพุทธาคมกล้า เป็นเจ้าสำนัก นับแต่พระอาจารย์ทอง ปฐมเจ้าอาวาส วัดเขาอ้อสืบทอดโดยเจ้าสำนักที่มีชื่อว่า “ทอง”ตลอดมาจนถึงท่านอาจารย์ปาน
พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
พิธีกรรม สำคัญ และศักดิ์สิทธิ์ ของเขาอ้อที่ศิษย์และผู้ศรัทธาจะพลาดไม่ได้คือ พิธีบวงสรวงบูรพาจารย์ พิธีกรรมลงรางแช่ว่านพิธีหุงข้าวเหนียวดำ พิธีกินข้าวเหนียวดำ และพิธีเสริมดวงชะตา
ในตอนนี้ขอกล่าวถึงพิธีหุงข้าวเหนียวดำ และ พิธีลงรางแช่ว่าน พิธีหุงข้าวเหนียวดำ ทำกันปีละ 2 ครั้ง คือขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 และ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 เป็นการเอาเครื่องยาสมุนไพร หรือว่านไม่ต่ำกว่า 108 ชนิด นำมาผสมแล้วต้มเอาน้ำยามาใช้หุงข้าวเหนียวดำ
พิธีกรรมจะทำแบบโบราณคือ เริ่มปลุกเสกตั้งแต่จุดไฟ จนข้าวเหนียวในหม้อสุก นำข้าวเหนียวที่สุกแล้วไปประกอบพิธีอีกครั้งก่อนกินข้าวเหนียวดำ ถ้าศิษย์คนใดไม่บริสุทธิ์ต้องทำพิธีสะเดาะเรียกว่าพิธีเกิดใหม่หรือพิธีบริสุทธิ์ตัว เมื่อถึงเวลากินข้าวเหนียวดำ ต้องเปลี่ยนมาใส่ผ้าขาวม้าโจงกระเบนไม่ใส่เสื้อ เข้าไปกราบอาจารย์ สามครั้ง แล้วให้นั่งชันเข่าบนหนังเสือ เท้าทั้งสองเหยียบเหล็กกล้า หรือเหล็กเพชร ปิดศีรษะด้วยหนังหมี มือทั้งสองวางบนหลังเท้าตัวเอง อาจารย์ใช้มือซ้ายกดมือไว้พร้อมภาวนาพระคาถา ส่วนมือขวาปั้นข้าวเหนียวดำเป็นก้อนๆ ป้อนให้ศิษย์ครั้งละก้อน แล้วปล่อยมือศิษย์ที่กดไว้บนหลังเท้ามือทั้งสองของศิษย์จะลูบขึ้นไปตั้งแต่หลังเท้า จนทั่วตัวจดใบหน้า การลูบนี้เรียกว่า การปลุก แล้วลูบลงเอามือทั้งสองข้างไปวางที่หลังเท้าดังเดิม โดยกะประมาณว่ากินข้าวเหนียวก้อนแรกหมดพอดี ข้าวเหนียวมีรสขม ต้องกินก้อนแรกให้หมดจนครบสามก้อนแล้วอาจารย์ใช้มือซ้ายกดมือทั้งสองไว้ที่เดิมหัวแม่มือขวากดสะดือศิษย์ทำทักษิณาวัตร 3 รอบพร้อมภาวนาคาถาไปด้วย เป็นการผูกอาคม
พิธีแช่ว่านยา เดิมพิธีทำขึ้นเพื่อให้ศิษย์ออกไปรบ ไปเป็นทหาร ไปทำสงคราม จุดมุ่งหมายเพื่อให้ร่างกายคงกระพันความจริงการอาบว่านแช่ยายังช่วยในการถอดเสนียดจัญไรแก้โรค และเป็นมหาอำนาจด้วย การอาบว่านแช่ยาจะต้องหาเครื่องยาสมุนไพรและว่านมาให้ครบตามตำรา ที่มีว่านยาและสมุนไพรหลายสิบชนิดโดยมี "บอระเพ็ด” และ "ขิงชาลี” พญาสัตบันโคกกระสุน มหานิล ขมิ้นเหลือง มหากาฬ มหาปราบ สากเหล็ก เพชรหึง นิลพัตร หอกหัก ไพลดำ กระชายดำ เพชรน้อยหนุมานประสานกาย สบู่เลือด มหาเมฆ ฯลฯ แบ่งว่านออกเป็น 2 สาย "ว่านดิบ” กับ "ว่านสุก” ว่านดิบเอามาทุบ แล้วเอาแช่ในรางได้เลย ส่วนว่านสุกเป็นว่านที่ต้องเอามาต้มก่อน เพื่อให้ได้น้ำว่านแล้วเอาน้ำว่านนั้นเทใส่ลงในรางยารวมกับว่านดิบ
การกระทำต้องทำตามฤกษ์ที่เป็นมงคลเริ่มทำพิธีบูชาครูและจัดปริมณฑลพิธีรอบๆรางแช่ว่านเสร็จพิธีพระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์แล้ว อาจารย์ผู้เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อก็จะทำการปลุกเสกรางแช่ว่าน เมื่อถึงขั้นตอนแช่ว่านผู้ที่จะทำการแช่ว่านก็จะต้องสมาทานศีลเสียก่อน ทุกคนจะนุ่งผ้าขาวม้าหรือกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อก่อนที่จะลงแช่ว่านในราง เท้าจะยืนบนหนังเสือและเหล็กกล้ามีหนังหมีปิดศีรษะ จากนั้นอาจารย์ก็จะเป็นผู้จูงลงในรางแช่ว่าน โดยอาจารย์และผู้แช่ว่านจะต้องบริกรรมคาถาขณะที่กำลังเดินลงในรางแช่ว่าน เมื่อลงไปในรางแช่ว่านที่มีน้ำว่านอยู่เกือบเต็มรางแล้วก็จะนอนลงโดยยกเฉพาะศีรษะให้อยู่เหนือน้ำ ต้องระวังอย่าให้น้ำว่านเข้าหูเพราะอาจจะทำให้หูหนวกได้ เนื่องจากฤทธิ์ของน้ำว่านแรง การแช่ว่านนี้จะแช่ได้นานได้นานเท่าจะยิ่งดีเพราะจะทำให้น้ำว่านเข้าสู่ร่างกายได้มาก เมื่อแช่เสร็จแล้วอาจารย์ก็จะเป็นผู้จูงคนแช่ว่านขึ้นมาจากรางขณะนั้นก็ต้องบริกรรมคาถาเหมือนกับตอนลงแช่ในตอนแรกเหมือนกัน เมื่อขึ้นมาจากรางแช่น้ำว่านแล้วอาจารย์ก็จะให้คนแช่ว่านทุกคนทำพิธีบูชาครูแล้วก็อบรมสั่งสอนให้อยู่ในศีลธรรม ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีแช่ว่านตามสูตรของสำนักเขาอ้ออันศักดิ์สิทธิ์ที่มีการยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณ

Пікірлер: 4

  • @user-dt8wp6tn4p
    @user-dt8wp6tn4pАй бұрын

    สาธุสาธุสาธุครับ🙏🙏🙏

  • @user-qh1xe2yj6u
    @user-qh1xe2yj6u Жыл бұрын

    สาธุข้าพเจ้าขอร่วมอนุโมทนาบุญ

  • @user-bg3ww1vz9x
    @user-bg3ww1vz9x Жыл бұрын

    โอกาสต่อไปขอประวัติ อาจารย์ตุด วัดสามี ระโนด มรณะภาพตับเป็นเหล็ก

  • @user-ze8dg7dh3p
    @user-ze8dg7dh3p Жыл бұрын

    ยืน1หลอดเว

Келесі