#ร้านอาหารตามสั่ง #เทคนิคร้านอาหาร #ขายอาหารออนไลน์
มีประโยชน์มาก! คิดจะเปิดร้าน “อาหารตามสั่ง” สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ คือ ต้องรู้จักการควบคุมต้นทุน และตั้งราคาขายให้เหมาะสม คิดต้นทุน ทั้งค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ ค่าแรง จิปาถะ ร้านอาหารตามสั่ง ถึงจะอยู่รอด
การเปิดร้านอาหารตามสั่งไม่ว่าจะนั่งกินที่ร้าน หรือซื้อกลับบ้านนั้น มีอยู่ไม่กี่ข้อ คือ
1. ราคากับคุณภาพอาหารไปด้วยกันได้
2. หน้าตาน่ากิน กินแล้วอร่อย
3. ร้านอยู่ไม่ลึกลับเกินไป หาง่าย มีวิธีติดต่อง่าย อาศัยเบอร์โทร มีไลน์ มีเพจเฟซบุ๊ก ถึงร้านจะไปตั้งอยู่กลางซอยไกลหน่อย แต่ลูกค้าลองชิมแล้วติดใจก็จะสั่งอีก
4. บริการรวดเร็วทันใจ ทำอาหารเร็ว รวมทั้งส่งเร็วด้วย
และอีกเรื่องที่สำคัญมาก คือ
คนขายอาหารต้องรู้จักการควบคุมต้นทุน และตั้งราคาขายให้เหมาะสม
สำหรับต้นทุนของร้านอาหารนั้น มีอยู่สองอย่าง
อย่างที่หนึ่ง คือ ต้นทุนที่ต้องจ่ายประจำ ภาษาการเงินเขาเรียก ต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเช่าห้อง ค่าดอกเบี้ย ค่าแรงตัวเรา ค่าแรงพนักงาน
พ่อค้าแม่ค้า หลายคนไม่ยอมคิดเรื่องนี้ เอาแต่ทำขายไป กระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา ค่าแรงตัวเองก็ไม่คิด เพราะถือว่าขายได้เท่าไหร่เป็นของเราหมด
จริงๆ ตามหลักการควรจะคิด เพราะจะได้รู้ว่าไอ้ที่ขายๆ ไปทุกวันนั้นมันกำไรหรือไม่กำไร มีเงินเหลือเก็บบ้างหรือเปล่า
ลองดูตัวอย่าง ต้นทุนคงที่ร้านอาหารตามสั่ง
ค่าเช่าร้านเดือนละ 3,000 บาท
ค่าแรงตัวเองเดือนละ 15,000 บาท
ค่าแรงพนักงาน 2 คน (เมียและลูก) เดือนละ 15,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต้นทุนคงที่ต่อเดือน 33,000 บาท
***ช่วงนี้จะไม่ขึ้นเสียงพูด แต่จะขึ้นเป็นกราฟิกภาพอธิบายแทนค่ะ
ต่อไปต้นทุน อย่างที่สอง เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามการขาย ขายน้อยจ่ายน้อย ขายมากจ่ายมาก ภาษาการเงินเรียก ต้นทุนผันแปร หรือ แปรผัน ส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบ เช่น ข้าวผัดกะเพรา ต้นทุนจานละ 14 บาท ขาย 35 บาท ถ้าขายได้ 1 จาน ก็เสียค่าวัตถุดิบ 15 บาท ขายได้ 10 จาน ก็ต้องเสียค่าวัตถุดิบ 150 บาท
นอกจากค่าวัตถุดิบที่เปลี่ยนตามการขายแล้ว ยังมีค่าแก๊ส ค่าน้ำ ไฟ ค่าซอสทีมัก ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้คิด เพราะคิดยาก
บางร้านให้ลูกค้ากินน้ำแข็ง น้ำเปล่าฟรี ก็ต้องใส่ต้นทุนไปตรงนี้ด้วย
โดยทั่วไปต้นทุนผันแปรนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40% ของราคาขาย อย่างผัดกะเพรา 35 บาท เป็นต้นทุนผันแปร 40% เท่ากับ = 14 บาท แปลว่า เราอย่าใช้วัตถุดิบให้เกิน 12 บาท อีก 2 บาทเป็นค่าซอส ค่าแก๊ส น้ำไฟ หรือบวกไปอีก 10% ของต้นทุนวัตถุดิบ
ส่วนต้นทุนคงที่นั้น ก็คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ยไปในอาหารแต่ละจานด้วย ตกประมาณ 30% ของราคาขาย แจงให้เห็นง่ายๆ ดังนี้
ผัดกะเพรา 1 จาน ขาย 35 บาท
ต้นทุนวัตถุดิบ 40% ของราคาขาย
40/100 x 35 บาท = 14 บาท
ต้นทุนคงที่ 30% ของราคาขาย
30/100 x 35 บาท = 10.50 บาท
รวมสองต้นทุนเป็นเงิน เท่ากับ 14 + 10.50 บาท = 24.50 บาท
คงเหลือกำไรสุทธิ 30% ของราคาขาย = 30/100 x 35 บาท = 10.50 บาท
(หรือ 35-24.50 = 10.50 บาท)
ฉะนั้น ถ้ามีต้นทุนคงที่ต่อเดือน 33,000 บาท ต้องขายผัดกะเพรากี่จานใน 1 เดือน ถึงจะพออยู่ได้
ลองดูตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
ต้นทุนคงที่ต่อเดือน 30% ของราคาขาย 33,000 บาท
ต้นทุนผันแปร 40% ของราคาขาย
33,000/30 x 40 บาท = 44,000 บาท
กำไรสุทธิ 30% ของราคาขาย
33,000/30 x 30 บาท = 33,000 บาท
รวมเป็นยอดขายที่ควรได้ต่อเดือน เท่ากับ 33,000 + 44,000 + 33,000 = 110,000 บาท
ต้องขายผัดกะเพราทั้งหมด
110,000/35 จาน = 3,143 จาน
หรือ ขายผัดกะเพราวันละ
3,143/30 จาน = 105 จาน
วันหนึ่งจะขายได้ 100 จานมั้ย ถ้าได้แค่ 50 จาน ก็ได้เงิน 1,750 บาท ดือนหนึ่ง 30 วัน ได้เงิน 52,500 บาท เป็นต้นทุนผันแปร 40% = 21,000 บาท คงเหลือ 31,500 บาท แต่มีต้นทุนคงที่ 33,000 บาท แปลว่าขาดทุน 1,500 บาทต่อเดือน
_________________________________________
Website | www.sentangsedtee.com
Twitter | / sentangmati
Facebook | / sentangsedtee.matichon
Instagram | / sentangsedtee