บุคคลผู้ปรารถนาพระพุทธภูมินั้น ถ้าจะไปให้ตลอดรอดฝั่ง วัตถุประสงค์ของการกระทำ ต้องไม่ใช่ว่าตั้งไว้ก่อน ทำเพื่อความเท่ หรืออยากใหญ่กว่าใครๆ ถ้าตั้งอารมณ์แบบนี้ มีหวังลาล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะนี่คือเส้นทางที่ยากสุดๆ และทุกข์ทรมานจนเกินคาดเดา กำลังใจเพียงแค่นี้ ไม่เพียงพอให้ฝ่าฟันอุปสรรค แต่ควรตั้งจิตให้เป็นเมตตา สงสารสัตว์โลกที่ยังไม่หลุดพ้น ต้องการช่วยเหลือเพื่อนฝูงพี่น้อง พ่อแม่และญาติของเรา กำลังใจที่มี ก็จะมากพอให้บรรลุพระโพธิญาณ เพราะเรามีบุคคลที่รัก เป็นภาระให้รับผิดชอบ ทำให้สำนึกอยู่ตลอดว่า....เราต้องการช่วยเหลือพวกเขา โดยส่วนตัว อยากให้มีพระโพธิสัตว์หลายองค์ และสำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณกันเยอะๆ จะได้ช่วยกันสงเคราะห์สัตว์โลก เพราะคนๆเดียว ไม่มีทางช่วยเหลือทุกสรรพสิ่งได้

@sanersatingpra4837

10 ай бұрын

สาธุครับ

@user-cr1xv4cg9p

7 ай бұрын

สาธุ🙏

@user-cm2um8tp6m

4 ай бұрын

ใช่ค่ะ

ติดตามการให้ธรรมะเป็นทานของอาจารย์มานานค่ะ ถูกจริตดีมากค่ะ สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยยิ่งค่ะ

ผมปรารถนาพุทธภูมิครับ สายทางโพธิญาณต้องเต็มเปี่ยมด้วยบารมีอย่างที่สุดๆๆๆยิ่งยวด

@sanersatingpra4837

10 ай бұрын

สาธุครับ

@user-cr1xv4cg9p

7 ай бұрын

สาธุ🙏

@loomamanusjan8183

7 ай бұрын

💪😊✨️ เป็นกำลังให้ ✨️

@user-fz4co7xn7s

Ай бұрын

ขอตัง10000สิงั้น

ได้รับความรู้ทางสายโพธิญาณจากอ.ขออนุโมทนาสาธุค่ะ

ไม่ปรารถนาพุทธภูมิเพราะยากเกินไปขอเพียงบรรลุธรรมไม่ต้องมาเกิดอีกเท่านั้นค่ะ...🙏🙏🙏

@LEGANDSGOLD-nd3od

10 ай бұрын

ไม่ยากหรอกครับ ถ้ามีมุมานะ เพียรพยายาม ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ถ้ามีใจใขว่ขว้าจริงๆ🙂

เอาซะพระโพธิสัตว์​เป็นพ่อค้าเลย เปรียบเทียบ​ได้ดีมากครับท่าน

ขอขอบคุณ

สาธุครับ อ. กระผมก็มีความปรารถนาพุทธภูมิเช่นกันแบบ อ.ครับ 😊😊

@user-fz4co7xn7s

Ай бұрын

ขอตัง10000สิงั้น

สาธุอนุโมทนาครับ

ขอบคุณอาจารย์ค่ะสาธุ

ขอบคุณค่ะตามอาจารย์

สวัสดีค่ะ😊

"ทุกข์ของเรา ไม่มีความหมาย ทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นภาระของเรา ที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าสู่พระนิพพาน"ถ้าบารมีเข้มข้นปรมัตถ์แล้ว ย่อมรู้การได้รับพุทธพยากรณ์ ลำดับที่เท่าไหร่ ด้วยวิชชาของตนเอง

กราบสาธุและขอ​อนุโมทนา​กับ#อ.รอบทิศ#​ ชอบฟังเรื่องแบบนี้ได้ความรู้มากจริงๆ​ ค่ะ#ปกติจะศรัทธาในพระพุทธ​เจ้าถึงที่สุด​#พึ่งเข้าใจพระโพธิสัตว์​และพระอรหันต์​ ต่างกันอย่างไร??? มีปณิธานศึกษาธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากวัฏฏ​ทุกข์​ การไม่เกิดอย่างถึงที่สุดค่ะ🙏🙏🙏💖🐿️

@sanersatingpra4837

10 ай бұрын

สาธุครับ

ทัก ทายคะอ..รอบทิศ

👍👍💖💖

สาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุสาธุค่ะ

พระองค์เกิดแล้วจริงเกิดวันที่26ต,ค2524ไม่ไช่นิยายไม่ไชลครเป็นเรืองจริงสาธุสาธุสาธุ

ไม่มีใครมาแนะนำให้ ปราถนาให้สร้างพุทธภูมิได้หรอกครับ คนที่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต จะต้องมีใจตั้งมั่นอยากพาสรรพสัตว์ปฏิบัติข้ามพ้นด้วย เป็นการตรัสรู้ธรรม แล้วพาคนอื่นพ้นด้วย....เมื่อตั้งมั่นแล้วได้สร้างแล้ว ไม่ลาง่ายๆหรอกครับ แต่ถ้าคนที่อยากเป็นแบบเท่ๆๆ อันนี้ไม่ไม่ใช่พุทธภูมิ พุทธภูมิคนที่รู้ได้ว่าใครเป็นมีแต่พุทธะเท่านั้น ที่พยากรณ์ได่

อยากได้กระดุมของอาจารค่ะขอจอง1อันได้ไหมค่ะติดต่อจองได้ไหมค่ะ

💗💓💕💘💞💖💝❣️❤️

อยากได้แค่หลักปฎิบัติเพื่อให้ใช้ชีวิตได้ปกติไม่ฟุ้งซ่าน

@BahBoh6869

7 ай бұрын

พุทโธ ครับ ❤

วิปัสสนาต้องปฏิบัติอย่างไรถึงรู้ว่าวิปัสสนา ไม่ใช่กรรมฐานคะ ต้องคิดมั้ยคะ

@ideal3i

10 ай бұрын

ในการทำกรรมฐาน สมถะ คือสงบนิ่ง แต่พอมันนิ่งมากจนเป็นฌานสูงๆ จะพิมจารณาธรรมไม่ได้ พอจิตนิ่งแล้ว ต้องถอยจิตกลับมา สมาธิชั้นต้น แล้ววิปัสสนากรรมฐาน พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาครับ โดยมากก็ให้พิจารณากายไม่เที่ยงครับ ตัดสังโยชน์

@jalando9448

10 ай бұрын

@@ideal3i ตามความเห็นของคนนี้เลยครับ แต่ถ้าจะแปลให้เป็นภาษาที่ง่ายซักหน่อย คือภาวนาให้เกิดสมาธิจนทำให้เราสบายใจ อิ่มใจ จากนั้นก็เลิกภาวนา แล้วให้มาพิจารณาร่างกาย ว่ามันไม่ใช่ของเรา เพราะไม่ว่าเราจะบำรุงมันมากแค่ไหน มันก็แก่ มันก็ป่วย สุดท้าย ก็ต้องตาย ดังนั้น จงอย่ายึดถือว่ามันเป็นของเรา และคิดจะไปนิพพานเพียงอย่างเดียว ทำแบบนี้ซ้ำๆทุกวัน ทำให้ต่อเนื่องจนเกิดความเคยชิน แต่อย่าไปเร่งเร้าว่าเราจะต้องได้อย่างนี้อย่างนั้น ไม่ต้องสนอะไร ให้ทำไปเรื่อยๆ ก็พอ แล้วซักวัน จิตจะตัดได้เอง สุดท้าย ก็จะจบกิจ เหล่าสาวกทั้งหลายไม่ควรพลาดนะ เพราะกัปนี้คือนาทีทอง มีพระพุทธเจ้าอุบัติถึงหลายพระองค์ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ เอ่อ.....ย้ำอีกครั้งนะครับ ก่อนเริ่มพิจารณา เราจำเป็นต้องภาวนาให้จิตเป็นสมาธิจนสบายใจทุกครั้งไป เพราะวิปัสนาจะไร้ผล ตัดกิเลสไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มต้นด้วยกำลังญาณ ซึ่งอย่างน้อย ต้องส่งจิตให้ถึงอุปจารณสมาธิ นั่นก็คือ.....ทำกรรมฐานจนกว่าเราจะสบายใจ เกิดความสุข

@aubbaii8451

Ай бұрын

กรรมฐาน มี ฐาน และใจ ฐานถ้าเปรียบง่ายๆคือ เอากายเป็นฐานเพราะหากว่า กายเรากำลังขยับ เราก็สามารถรับรู้ได้โดยที่ ไม่แม้ต้องลืมตาก็รับรู้ได้ว่ากายกำลังทำอะไรอยุ่ จึงเอาฐานเป็นกายในการรับรู้ได้ง่ายที่สุด ต่อไปใจ ใจคือความคิด ความคิดเป็นสิ่งที่ทนอยู่ไม่ได้ ดังนั้น ให้เราสังเกตุเห็นความคิดที่วิ่งไปมา (ความคิด/จิต เป็นสิ่งที่ทนอยู่ไม่ได้ ดังนั้นเราจึงห้ามมันไม่ได้ ก็ให้สังเกตุเห็น พอเห็นก็ดับความคิดนั้นซะ โดยการไม่ไปปรุงแต่งต่อ เพื่อไม่ให้เกิดทุกข์วนไปซ้ำๆนั้นเอง แค่มีฐานและสังเกตุ ความคิด แต่ไม่ได้ให้ยึดว่ากายนั้นเป็นของเรา หากเรายึดมัน ก็เป็นทุกข์ นั้นไม่ใช่หนทางแห่งการดับ เพียงแต่กายนั้นติดเรามาเฉยๆ เราจึงเอากายเป็นฐานที่ง่ายที่สุดเท่านั้นเอง